วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2554

Pirate not Navy....จงเป็นโจรสลัด..อย่าเป็นทหารเรือ

      ฉันเพิ่งบากบั่นอ่านเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์ อันหนักและหนาจบลงด้วยความประทับใจอย่างยิ่ง และเขาน่าจะเป็นบุคคลที่ฉันจะเก็บขึ้นหิ้งในฐานะบุคคลที่มีมุมมองและความคิดที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยแนวคิดสุดเท่หลายประการ แต่ที่ประทับใจคงจะเป็นแนวคิดการทำงานที่สตีฟ จ็อบส์ บอกว่า เราควรเป็นโจรสลัด ไม่ใช่ทหารเรือ

     Pirate not Navy เป็นประโยคเด็ดโดนใจฉันจริง ๆ  ทำให้ฉันตีความเอาเองว่าการทำงานประจำซ้ำซากอยู่ในกรอบนั้นทำให้เรากลายเป็นคนสงบเสงี่ยม ไม่กล้าคิดอะไรหลุด ๆ ฉีกแนวอย่างสุดขั้ว หรือกล้าทำอะไรแตกต่างจากเดิม หากเป็นเช่นนี้อย่าหวังว่าเราจะมีไอเดียบรรเจิดสร้างอะไรพิเศษพิสดารที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้  เปรียบไปเหมือนทหารเรือที่เฝ้าระวังรักษาเรืออย่างมีระเบียบแบบแผน ทำทุกอย่างรอบครอบและเน้นความปลอดภัย แตกต่างจากบรรดาโจรสลัดที่ใช้ชีวิตอย่างโลดโผน กล้าทำสิ่งท้าทาย ไม่กลัวสิ่งใด ๆ เพื่อจุดมุ่งหมายคือค้นพบมหาสมบัติล้ำค่าให้ได้

   บรรดาโจรสลัดหัวสมองชั้นเลิศชอบความท้าทาย และคลั่งไคล้ผลิตภัณฑ์ จึงมารวมตัวกันที่บริษัท แอปเปิ้ล และสร้างนวัตกรรมแปลกใหม่ เปลี่ยนโลกทั้งใบด้วยตระกูลไอทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไอพอด ไอโฟน ไอแพด ทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะสตีฟ จ็อบส์ มี ไอลีดเดอร์ชิป ( Ileadership )


    คุณพอจะมีนิสัยโจรสลัดบ้างไหม ? ถ้าหากไม่เคยคิด ไม่เคยมี ปีใหม่นี้น่าจะเป็นวาระดี ๆ ที่น่าจะลองคิดลองเป็นโจรสลัดกันสักครั้ง การเป็นโจรสลัดของสตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้หมายความว่าให้คุณหยิบอาวุธออกไปปล้นฆ่าช่วงชิงทรัพย์สินคนอื่นหมือนโจรสลัดโซมาเลีย แต่คงสนับสนุนให้คุณหยิบอาวุธความคิดสนุก ๆ แปลกใหม่ในชีวิตออกมาขัดสีฉวีวรรณ ทำอะไรใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ และมุ่งมั่นฟันฝ่าจนได้หีบมหาสมบัติล้ำค่าเป็นผลงานชิ้นสำคัญในชีวิตสมดั่งความตั้งใจ

     ปิดตาสักดวง...ติดตะขอที่มือสักข้าง...แต่เปิดสมองให้โล่งกว้าง...แล้วมาเป็นโจรสลัดกันสักครั้งเถิดพวกเรา..

PAOKUNTIMA  ^ ^
29/12/2011

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

หยดน้ำที่เติมตุ่ม



ทุกๆ โมงยามทุกๆ เข็มวินาทีที่เคลื่อนไหว เต็มไปด้วย "พลังงาน" หรือ "ศักยภาพ" บางอย่างที่เราอาจไม่เคยรู้สึกหรือมองข้ามไป...


หากหนึ่งวินาทีเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของเวลา แล้วหกสิบวินาทีจะมีความหมายเท่ากับหนึ่งนาที หกสิบนาทีก็มีค่าเท่ากับหนึ่งชั่วโมงได้กระนั้นหรือ


เวลาหนึ่งวันและอายุของคนเราที่เคลื่อนไปซึ่งล้วนประกอบด้วย "เสี้ยวเล็กๆ" ของกาลเวลาอย่างเสี้ยววินาที ที่พอเราเผอเรอ มองข้ามกาลเวลาก็เคลื่อนผ่านไปอย่างน่าเสียดาย


..............................................


หลายวันที่ผ่านมามีการนัดเจอกันของรุ่นพี่และเพื่อนสนิทเพื่อล้อมวงกินข้าวและน้ำเมาตามประสากันที่บ้านของผู้เขียน


ตามธรรมเนียมของการพบปะ เมื่อกินข้าวปลาเสร็จแล้ว จู่ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า "ปีหน้าอาจจะออกจากงานเพราะเบื่องานมาก แล้วจะเริ่มต้นการเลี้ยงไส้เดือน" เพื่อเอาขี้ไส้เดือนและดินที่ไส้เดือนพรวนนั้นขาย สร้างเงินทองเป็นอาชีพเลี้ยงตัว


จากนั้นก็เลยมีหัวข้อการสนทนาให้แต่ละคนร่วมตอบ พูดคุยกันว่า "ปีหน้าเราจะเริ่มทำอะไรดี?"
..............................................


จากความเบื่องาน เบื่ออาชีพเดิมๆ เบื่อการทำงานที่เคยทำมา เบื่อสิ่งแวดล้อมรายรอบตัว และเบื่อสิ่งต่างๆ ตามธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ประสามนุษย์เดินดินกินข้าวแกง คนเราจึงมักจะมองหา "เวลาใหม่ๆ" เพื่อการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ


เวลาใหม่ๆ ที่ว่ามักจะเป็น "วันเกิด" วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือวันสำคัญในชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะให้เป็นหมุดหมายอันเป็นมงคลแก่ชีวิตว่า "ถึงเวลา" หรือได้เวลาเริ่มต้นลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิตที่ลดน้อยถอยลงตามการเคลื่อนไปของกาลเวลาเสียทีได้แล้ว
..............................................


ตอนเด็กๆ นั้นเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "มะกะโท" ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง "ราชาธิราช" เล่าถึงความอุตสาหะและความเฉลียวฉลาดของมะกะโทในการไปซื้อพันธุ์ผักกาดมาปลูกได้ด้วยเบี้ยเบี้ยเดียวด้วยการเอานิ้วมือเดียวที่เปียกชื้นจิ้มลงในกระจาดใส่เมล็ด เมล็ดผักกาดจึงติดนิ้วเขาขึ้นมามากมาย เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมชอบอ่าน


เรื่องเล่าของมะกะโทอาจจะไม่เกี่ยวกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนของผองเพื่อนเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนหรือการลงมือทำอะไรใหม่ๆ เมื่อเวลาย่างเท้าเข้าสู่โมงยามใหม่ๆ แต่เรื่องนี้ผมอยากจะบอกเล่าถึง "พลังของการสั่งสม" ครับ


สำหรับบางคนที่หยิบไพ่แห่งความโชคดีติดมือขึ้นมาได้ (ซึ่งอาจจะมีอยู่น้อยคนบนโลกนี้) อาจจะไม่ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ หรือความคิดเฉลียวฉลาด และการลงมือทำสั่งสมในทุกๆ เข็มวินาทีชีวิตที่เคลื่อนไหวก็อาจจะร่ำรวย มีชื่อเสียง ค้นพบและบรรลุความฝันของตัวเองได้


เรื่องมาถึงตรงที่มีใครสักคนเล่าให้ฟังว่า ญาติของตัวเองเป็นคนมัธยัสถ์มาก เวลาเปิดน้ำเขาจะเปิดทีละหยดแล้วปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืน การทำอย่างนี้ทำให้น้ำเต็มตุ่มเต็มโอ่งได้เหมือนกันโดยที่มิเตอร์น้ำของการประปาไม่กระดิกเลยว่ามีการใช้น้ำเกิดขึ้นในบ้านนั้น


เช่นเดียวกันหากเราไม่เคยเปิดก๊อกน้ำ ไม่เคยสำรวจว่ามีน้ำหยดออกมาจากภายในตัวเองเหมือนในท่อน้ำ แล้วเปิดไขก๊อกน้ำเอาไว้แต่เพียงเบามือ ไม่ช้าไม่นานหยดน้ำที่เราไม่เคยให้ความสำคัญหรือมองข้าม เพราะมัวแต่คิดถึงน้ำก๊อกที่ไหลพุ่งทะลักแรงเพราะแรงดันที่จะช่วยให้น้ำเต็มตุ่มได้ภายในพริบตา


หยดน้ำทีละหยดที่เปิดค้างไว้ทั้งคืน แต่ค่อยๆ หยดค่อยๆ มาโดยใครๆ ก็ไม่เคยตระหนักรู้หรือแม้แต่เราเอง ว่าน้ำในตุ่มในตัวเราค่อยๆ ขยับเติมเต็มขึ้นมาตนใกล้ขอบตุ่มแห่งความสำเร็จได้เหมือนกัน