tag:blogger.com,1999:blog-47158800086690831462024-03-14T05:01:40.931+07:00ตะลุมบอนtalumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.comBlogger101125tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-80260089709085196052011-12-29T12:36:00.000+07:002011-12-29T12:36:11.703+07:00Pirate not Navy....จงเป็นโจรสลัด..อย่าเป็นทหารเรือ <strong>ฉันเพิ่งบากบั่นอ่านเรื่องราวของสตีฟ จ็อบส์ อันหนักและหนาจบลงด้วยความประทับใจอย่างยิ่ง</strong> และเขาน่าจะเป็นบุคคลที่ฉันจะเก็บขึ้นหิ้งในฐานะบุคคลที่มีมุมมองและความคิดที่ฉันชื่นชอบมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยแนวคิดสุดเท่หลายประการ แต่ที่ประทับใจคงจะเป็นแนวคิดการทำงานที่สตีฟ จ็อบส์ บอกว่า<strong> เราควรเป็นโจรสลัด ไม่ใช่ทหารเรือ</strong><br />
<br />
<strong> Pirate not Navy </strong>เป็นประโยคเด็ดโดนใจฉันจริง ๆ ทำให้ฉันตีความเอาเองว่าการทำงานประจำซ้ำซากอยู่ในกรอบนั้นทำให้เรากลายเป็นคนสงบเสงี่ยม ไม่กล้าคิดอะไรหลุด ๆ ฉีกแนวอย่างสุดขั้ว หรือกล้าทำอะไรแตกต่างจากเดิม หากเป็นเช่นนี้อย่าหวังว่าเราจะมีไอเดียบรรเจิดสร้างอะไรพิเศษพิสดารที่จะเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ เปรียบไปเหมือนทหารเรือที่เฝ้าระวังรักษาเรืออย่างมีระเบียบแบบแผน ทำทุกอย่างรอบครอบและเน้นความปลอดภัย แตกต่างจากบรรดาโจรสลัดที่ใช้ชีวิตอย่างโลดโผน กล้าทำสิ่งท้าทาย ไม่กลัวสิ่งใด ๆ เพื่อจุดมุ่งหมายคือค้นพบมหาสมบัติล้ำค่าให้ได้ <br />
<br />
บรรดาโจรสลัดหัวสมองชั้นเลิศชอบความท้าทาย และคลั่งไคล้ผลิตภัณฑ์ จึงมารวมตัวกันที่บริษัท แอปเปิ้ล และสร้างนวัตกรรมแปลกใหม่ เปลี่ยนโลกทั้งใบด้วยตระกูลไอทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไอพอด ไอโฟน ไอแพด ทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะสตีฟ จ็อบส์ มี ไอลีดเดอร์ชิป ( Ileadership )<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-EONQIJ2cgnc/TvvzL-vUiII/AAAAAAAAAPo/kGw-tcYNHqY/s1600/pirate.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" rea="true" src="http://2.bp.blogspot.com/-EONQIJ2cgnc/TvvzL-vUiII/AAAAAAAAAPo/kGw-tcYNHqY/s320/pirate.jpg" width="320" /></a></div><br />
<strong>คุณพอจะมีนิสัยโจรสลัดบ้างไหม ? </strong>ถ้าหากไม่เคยคิด ไม่เคยมี ปีใหม่นี้น่าจะเป็นวาระดี ๆ ที่น่าจะลองคิดลองเป็นโจรสลัดกันสักครั้ง การเป็นโจรสลัดของสตีฟ จ็อบส์ ไม่ได้หมายความว่าให้คุณหยิบอาวุธออกไปปล้นฆ่าช่วงชิงทรัพย์สินคนอื่นหมือนโจรสลัดโซมาเลีย <strong>แต่คงสนับสนุนให้คุณหยิบอาวุธความคิดสนุก ๆ แปลกใหม่ในชีวิตออกมาขัดสีฉวีวรรณ ทำอะไรใหม่ ๆ ที่สร้างสรรค์ และมุ่งมั่นฟันฝ่าจนได้หีบมหาสมบัติล้ำค่าเป็นผลงานชิ้นสำคัญในชีวิตสมดั่งความตั้งใจ</strong><br />
<br />
<strong>ปิดตาสักดวง...ติดตะขอที่มือสักข้าง...แต่เปิดสมองให้โล่งกว้าง...แล้วมาเป็นโจรสลัดกันสักครั้งเถิดพวกเรา..</strong><br />
<br />
<strong>PAOKUNTIMA ^ ^</strong><br />
<strong>29/12/2011</strong>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-20787475054523656032011-12-06T10:18:00.008+07:002011-12-06T11:36:41.009+07:00หยดน้ำที่เติมตุ่ม<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-LWN9_sXd8Jo/Tt2KArSRzwI/AAAAAAAAAPc/7W3ZGhLDYb8/s1600/34_20090121160728..jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="266" src="http://3.bp.blogspot.com/-LWN9_sXd8Jo/Tt2KArSRzwI/AAAAAAAAAPc/7W3ZGhLDYb8/s400/34_20090121160728..jpg" width="400" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">ทุกๆ โมงยามทุกๆ เข็มวินาทีที่เคลื่อนไหว เต็มไปด้วย "พลังงาน" หรือ "ศักยภาพ" บางอย่างที่เราอาจไม่เคยรู้สึกหรือมองข้ามไป...</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">หากหนึ่งวินาทีเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของเวลา แล้วหกสิบวินาทีจะมีความหมายเท่ากับหนึ่งนาที หกสิบนาทีก็มีค่าเท่ากับหนึ่งชั่วโมงได้กระนั้นหรือ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">เวลาหนึ่งวันและอายุของคนเราที่เคลื่อนไปซึ่งล้วนประกอบด้วย "เสี้ยวเล็กๆ" ของกาลเวลาอย่างเสี้ยววินาที ที่พอเราเผอเรอ มองข้ามกาลเวลาก็เคลื่อนผ่านไปอย่างน่าเสียดาย</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">..............................................</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">หลายวันที่ผ่านมามีการนัดเจอกันของรุ่นพี่และเพื่อนสนิทเพื่อล้อมวงกินข้าวและน้ำเมาตามประสากันที่บ้านของผู้เขียน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">ตามธรรมเนียมของการพบปะ เมื่อกินข้าวปลาเสร็จแล้ว จู่ๆ ก็มีเพื่อนคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาว่า "ปีหน้าอาจจะออกจากงานเพราะเบื่องานมาก แล้วจะเริ่มต้นการเลี้ยงไส้เดือน" เพื่อเอาขี้ไส้เดือนและดินที่ไส้เดือนพรวนนั้นขาย สร้างเงินทองเป็นอาชีพเลี้ยงตัว</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">จากนั้นก็เลยมีหัวข้อการสนทนาให้แต่ละคนร่วมตอบ พูดคุยกันว่า "ปีหน้าเราจะเริ่มทำอะไรดี?"</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">..............................................</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">จากความเบื่องาน เบื่ออาชีพเดิมๆ เบื่อการทำงานที่เคยทำมา เบื่อสิ่งแวดล้อมรายรอบตัว และเบื่อสิ่งต่างๆ ตามธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ประสามนุษย์เดินดินกินข้าวแกง คนเราจึงมักจะมองหา "เวลาใหม่ๆ" เพื่อการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">เวลาใหม่ๆ ที่ว่ามักจะเป็น "วันเกิด" วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือวันสำคัญในชีวิตด้วยความตั้งใจที่จะให้เป็นหมุดหมายอันเป็นมงคลแก่ชีวิตว่า "ถึงเวลา" หรือได้เวลาเริ่มต้นลงมือทำสิ่งใหม่ๆ ให้กับชีวิตที่ลดน้อยถอยลงตามการเคลื่อนไปของกาลเวลาเสียทีได้แล้ว</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white;">..............................................</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="background-color: white;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ตอนเด็กๆ นั้นเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "มะกะโท" ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง "ราชาธิราช" เล่าถึงความอุตสาหะและความเฉลียวฉลาดของมะกะโทในการ</span><span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไปซื้อพันธุ์ผักกาดมาปลูกได้ด้วยเบี้ยเบี้ยเดียวด้วยการเอานิ้วมือเดียวที่เปียกชื้นจิ้มลงในกระจาดใส่เมล็ด เมล็ดผักกาดจึงติดนิ้วเขาขึ้นมามากมาย เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมชอบอ่าน</span></span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">เรื่องเล่าของมะกะโทอาจจะไม่เกี่ยวกับการพูดคุยแลกเปลี่ยนของผองเพื่อนเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนหรือการลงมือทำอะไรใหม่ๆ เมื่อเวลาย่างเท้าเข้าสู่โมงยามใหม่ๆ แต่เรื่องนี้ผมอยากจะบอกเล่าถึง "พลังของการสั่งสม" ครับ</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">สำหรับบางคนที่หยิบไพ่แห่งความโชคดีติดมือขึ้นมาได้ (ซึ่งอาจจะมีอยู่น้อยคนบนโลกนี้) อาจจะไม่ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะ หรือความคิดเฉลียวฉลาด และการลงมือทำสั่งสมในทุกๆ เข็มวินาทีชีวิตที่เคลื่อนไหวก็อาจจะร่ำรวย มีชื่อเสียง ค้นพบและบรรลุความฝันของตัวเองได้</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">เรื่องมาถึงตรงที่มีใครสักคนเล่าให้ฟังว่า ญาติของตัวเองเป็นคนมัธยัสถ์มาก เวลาเปิดน้ำเขาจะเปิดทีละหยดแล้วปล่อยทิ้งไว้ทั้งคืน การทำอย่างนี้ทำให้น้ำเต็มตุ่มเต็มโอ่งได้เหมือนกันโดยที่มิเตอร์น้ำของการประปาไม่กระดิกเลยว่ามีการใช้น้ำเกิดขึ้นในบ้านนั้น</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">เช่นเดียวกันหากเราไม่เคยเปิดก๊อกน้ำ ไม่เคยสำรวจว่ามีน้ำหยดออกมาจากภายในตัวเองเหมือนในท่อน้ำ แล้วเปิดไขก๊อกน้ำเอาไว้แต่เพียงเบามือ ไม่ช้าไม่นานหยดน้ำที่เราไม่เคยให้ความสำคัญหรือมองข้าม เพราะมัวแต่คิดถึงน้ำก๊อกที่ไหลพุ่งทะลักแรงเพราะแรงดันที่จะช่วยให้น้ำเต็มตุ่มได้ภายในพริบตา</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;"><br />
</span></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-family: sans-serif; line-height: 19px;"><span class="Apple-style-span" style="background-color: white; font-size: large;">หยดน้ำทีละหยดที่เปิดค้างไว้ทั้งคืน แต่ค่อยๆ หยดค่อยๆ มาโดยใครๆ ก็ไม่เคยตระหนักรู้หรือแม้แต่เราเอง ว่าน้ำในตุ่มในตัวเราค่อยๆ ขยับเติมเต็มขึ้นมาตนใกล้ขอบตุ่มแห่งความสำเร็จได้เหมือนกัน</span></span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-21162630948086831712011-11-26T16:06:00.002+07:002011-11-26T16:10:28.973+07:00ความสุขจากคนเลี้ยงผึ้ง<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เป็นค่ำคืนของวันธรรมดาอีกค่ำคืนหนึ่งที่ผมได้รับสาระและความรู้สึกดีๆ จากการดูรายการโทรทัศน์...</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ผมว่าคนทุกคนบนโลกนี้ที่เป็นเจ้าของเครื่องรับโทรทัศน์ และชอบใช้เวลาว่างในเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไร กดรีโมททีวีไปเรื่อยๆ เหมือนกันกับผม</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่แล้วค่ำคืนนั้นผมก็ไปหยุดดูรายการ "มาร์ธา" ซึ่งเป็นรายการวาไรตี้โชว์โดยมาร์ธา สต๊วท (Martha Stewart) นักจัดรายการชื่อดังด้านไลฟ์สไตล์และการตกแต่งบ้านของสหรัฐฯ รายการในวันนั้นเป็นเรื่องของคนเลี้ยงผึ้งในสวนหลังบ้านของพวกเขาเอง (Backyard Beekeeping)</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-QyqtTSxlYa4/TtCp0kpE9ZI/AAAAAAAAAPM/loQ9xkCVTxs/s1600/bee.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="199" src="http://4.bp.blogspot.com/-QyqtTSxlYa4/TtCp0kpE9ZI/AAAAAAAAAPM/loQ9xkCVTxs/s320/bee.jpg" width="320" /></a></div><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ผมเองไม่ได้ติดตามรายละเอียดอะไรมากมายในรายการนั้น แต่ที่รู้สึกสะดุดใจก็คือเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงผึ้งเพื่อเอาน้ำผึ้งและผลผลิตอื่นๆ จากรังผึ้งออกมาบริโภคกันของคนอเมริกัน ซึ่งทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันและครบวงจร ตั้งแต่เลี้ยงผึ้งและเก็บเกี่ยวผลผลิต (ซึ่งก็คือน้ำผึ้ง) บรรจุขวดวางจำหน่ายในท้องตลาดในฐานะที่เป็น "น้ำผึ้งออร์แกนิก" พวกเขายังนำน้ำผึ้งที่เก็บได้ในบริเวณบ้านมาแปรรูปเป็นขนม อาหารและเครื่องดื่มหลายชนิดให้ชมในรายการ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-plnQliEz1YM/TtCq45JJE2I/AAAAAAAAAPU/utqKrkNWS3w/s1600/bee2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="226" src="http://2.bp.blogspot.com/-plnQliEz1YM/TtCq45JJE2I/AAAAAAAAAPU/utqKrkNWS3w/s320/bee2.jpg" width="320" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ความสนุกและความสุขของคนเลี้ยงผึ้งในรายการมาร์ธาที่ได้ชม ไม่แตกต่างจากความสุขของคนปลูกผักหญ้าเอาไว้รับประทานเอง หรือคนที่ทอผ้าย้อมผ้า เย็บปักถักร้อยเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มเอาไว้ใช้เอง เป็นความสุขเล็กๆ ที่ไร้ขอบเขตข้อจำกัด ไม่ต้องสิ้นเปลืองเงินจับจ่าย ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และค้นพบว่าในเรื่องบางเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือดูเหมือนจะยุ่งยากนั้น หากตั้งใจจริงและไม่คิดถึงข้อจำกัดปลีกย่อยแล้วคนเราก็สามารถพึ่งพาตัวเองได้ เ</span><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ช่นผู้ชายคนหนึ่งที่สามารถมีแหล่งเลี้ยงผึ้งหลายๆ แห่งแม้อยู่กลางกรุงนิวยอร์กอันแสนจะพลุกพล่าน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">และที่สำคัญก็คือแม้ว่าจะโดนผึ้งที่ตัวเองเลี้ยงเอาไว้มุดลอดเข้ามาในชุดป้องกันที่แน่นหนาตอนที่ไปเก็บน้ำผึ้งต่อยเอาบ้าง แต่พวกเขาก็ยังยิ้มได้ ไม่โกรธเคืองหรือเจ็บปวดอะไรนักหนากับพิษสงเล็กๆ ของเหล็กไนของผึ้งที่ตัวเองเลี้ยง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">...เพราะมันคือความสุขและการแบ่งปันที่ได้รับ</span><br />
<a href="http://www.marthastewart.com/266296/backyard-beekeeping">http://www.marthastewart.com/266296/backyard-beekeeping</a>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-87515659824656163192011-08-09T13:37:00.000+07:002011-08-09T13:37:57.036+07:00บทเรียนจากปลาหางนกยูง <strong><span style="font-size: large;">ที่บ้านฉันมีสัตว์นานาชนิดอาศัยอยู่ร่วมกันมากมาย ทุกตัวล้วนเดินทางมาอยู่ด้วยตัวเอง ไม่มีใครเคยถามความสมัครใจของฉันเลยว่าต้องการเลี้ยงพวกมันหรือไม่ </span></strong><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> สัตว์เลี้ยงประจำบ้านคือ แมว ผู้ครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วของบ้านไว้หมดแล้ว เพียงแต่ว่าแมวยังไม่มีโฉนดเป็นของตัวเองเท่านั้นเอง แมวทุกตัวล้วนเดินเท้ามาทางภาคพื้นดินและทางหลังคา เมื่อมาถึงประตูบ้านแล้วแมวก็ล้มตัวลงนอนขวางทางเข้าออก แล้วเดินไปมาแถวนั้นไม่ยอมย้ายหนีไปที่ไหนอีกต่อไป นั่นหมายความว่าพวกแมวได้ตกลงปลงใจแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ ให้ฉันเป็นผู้หาอาหารมาเลี้ยงดูนับแต่วันนั้นเป็นต้นไป...ทุกสิ้นเดือนฉันต้องเตรียมเงินไว้ซื้ออาหารเม็ดและทรายแมว..เพื่อพวกมัน</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ฉันยังมีหมาจรจัดที่แอบเข้ามานอนในบ้านอยู่หลายตัวโดยเฉพาะเวลาฝนตกหนัก พวกหมามักไม่มีที่หลบฝน แต่ละตัวจะมายืนออหน้าบ้าน ทำตัวเหมือนเล่นมิวสิควิดิโอ คือปล่อยให้หู หาง เนื้อตัวเปียกฝนชุ่มโชกโดยไม่ยอมขยับหนีไปไหน ทำหน้าตาเศร้าสร้อยราวนางเอกอกหักรักคุด รอจนกว่าฉันจะใจอ่อนเปิดประตูให้พวกมันเข้ามาหลบในบ้าน พวกมันจะดีใจมาก กรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว และแยกย้ายหลบตามซอกมุมลานหน้าบ้านเท่าที่พอจะซุกหลบได้ พอฝนซาทุกตัวก็จะรู้หน้าที่ รีบลุกขึ้นอออกจากบ้านไปแต่โดยดี แต่สุดท้ายก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่ไม่ยอมออกจากบ้าน ไม่ว่าฉันจะใช้สันติวิธีพูดดีๆ จนกระทั่งเอาน้ำสาด ไม้กวาดไล่ แต่มันก็ไม่ยอมออกจากบ้านไปเสียที น้องหมาดำกลับล้มตัวลงนอนยอมตายเสียดีกว่าที่จะออกจากบ้านนี้ไป ในที่สุดฉันก็ได้หมาขี้เรื้อนสีดำหนึ่งตัวมาอยู่ในบ้าน และแน่นอนทุกสิ้นเดือนนอกจากอาหารแมว ทรายแมว ฉันต้องซื้อโครงไก่ ตับ และอาหารหมาเสริมเข้าไปอีกด้วย</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เวรกรรมไม่หมดสิ้น หลายปีก่อน มีนกแก้วบินหลงทางมาจากไหนไม่ทราบได้ มันบินมาเกาะใกล้ๆ ขณะฉันที่กำลังตากผ้าริมระเบียง สร้างความตื่นตะลึงให้ฉันเป็นอย่างมาก ฉันร้องทักเล่นๆ ว่า "แก้ว แก้วจ๋า" ดั่งนรกชังสวรรค์แกล้ง นกแก้วเอียงคอมองฉันอย่างสนใจ และเดินเตาะแตะตรงมาหาฉันทันที แล้วบ้านเราก็มีนกแก้วเป็นของตัวเอง ทุกเช้านกแก้วตัวแสบจะต้องแหกปากร้องดัง แกรก แกรก ดังลั่นราวนาฬิกาปลุกไปถึงปากซอย สร้างความรำคาญให้เพื่อนบ้านยิ่งนัก ในที่สุดเราก็ตัดสินใจนำไอ้แก้วปล่อยออกจากกรง ฉันบอกมันด้วยเสียงอ่อนโยนว่า "บินไปเลยแก้ว ไปให้ไกลที่สุดนะ" นกแก้วบินไปไม่ถึงสี่เมตร แล้วยูเทิร์นกลับ เกาะที่พื้นแล้วเดินเข้าไปอยู่ในกรงด้วยตัวเอง เป็นเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจจนถึงวันนี้ว่าทำไมนกแก้วถึงไม่หนีไป ทำไมต้องมาอยู่กับฉัน...แน่เสียยิ่งกว่าแน่..นับจากนั้น ฉันต้องซื้อ อาหารแมว ทรายแมว อาหารหมา โครงไก่ ตับ และเมล็ดทานตะวันสำหรับนกแก้วด้วย</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> หลังบ้านฉันยังมีครอบครัวนกเขาที่จะมาขอข้าวกินเช้าเย็น แรก ๆ ฉันนึกเอาเองว่านกเขาเป็นสัตว์ที่ไม่ฉลาด แต่ผิดคาด เพราะนกเขานั้นจำหน้าฉันได้แม่นยำราวกับญาตินก เมื่อฉันออกไปชมวิวครั้งใด แก๊งนกเขาสามช่า จะบินจากอีกฝั่งคลองมาเกาะริมรั้ว แล้วเดินไปที่จานว่างเปล่าที่ฉันชอบเอาข้าวสุกที่เหลือไปวางให้นกกิน นกเขาผงกหัวไปมามองฉันราวกับว่า "ไปเอาข้าวมาให้กินหน่อยสิจ๊ะ นี่หน้าที่เธอไม่ใช่หรือ" ฉันไปตักข้าวสุกมาวางไว้บนจาน ครอบครัวนกเขาก้มลงจิกข้าวกินอย่างมีความสุข และจะบินกลับมาเพื่อมองหาฉันและขอข้าวกินอีกครั้งตอนเย็น</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> หน้าที่รับใช้สรรพสัตว์ของฉัน ยังไม่จบสิ้นลง เมื่อวันหนึ่งมีผู้หวังดีนำปลาหางนกยูงมาใส่ในอ่างหน้าบ้านไว้สองตัวเพื่อช่วยกินยุง หลังจากนั้นไม่นาน ในอ่างน้ำก็มีปลาหางนกยูงนับร้อยตัว ซึ่งไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอก็มั่นใจได้ว่าพวกมันทั้งอ่างเป็นญาติกันหมด ในอ่างไม่มีลูกยุงหลงเหลือให้มันกินอีกต่อไป นับแต่นั้นฉันจะต้องไปซื้ออาหารปลามาฝากมันด้วย </span><br />
<span style="font-size: large;"> </span><br />
<span style="font-size: large;"> ดังนั้นทุกสิ้นเดือน ฉันต้องซื้ออาหารแมว ทรายแมว อาหารหมา โครงไก่ ตับ เมล็ดทานตะวัน และอาหารปลา เป็นภารกิจที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> การเลี้ยงสารพัดสัตว์ของฉันกลายเป็นหน้าที่ของความเคยชิน ทุกเช้าฝูงแมวจะตื่นกันตั้งแต่หกโมงเช้า และช่วยกันร้องเรียกฉันราวนาฬิกาปลุกที่ไม่เคยถ่านหมด เมื่อฉันไม่ตื่น จะมีแมวตัวที่กล้าหาญมาถึงที่นอน และใช้มือตบหน้าเบา ๆ หากฉันพยายามคว่ำหน้า แมวก็จะสอดมือล้วงเข้าไปตบหน้าต่อไปไม่หยุดยั้ง ทางที่ดีก็คือรีบตื่นขึ้นมาให้อาหารแมวโดยด่วน การร้องขออาหารของแมวได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดความรำคาญ</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เมื่อฉันลงมาชั้นล่างของบ้าน เสียงแกรก ๆ ของนกแก้วนั้นแหลมคมทะลวงโสตประสาทได้ดียิ่งนัก ทำให้ฉันต้องรีบวิ่งไปตักเมล็ดทานตะวันใส่ในกรงนกแก้วอย่างรวดเร็ว นกแก้วได้อาหารเป็นอันดับที่สอง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> น้องหมาดำที่นอนใกล้ ๆ มองฉันด้วยสายตาเศร้าสร้อย มันไม่เคยร้องขออาหารใด ๆ เหมือนแมวและนก มันจึงได้กินอาหารช้ากว่าใครๆ และบางทีฉันก็ลืมให้อาหารมันจนไปถึงตอนเที่ยง หมาน้อยไม่เคยบ่น แต่ระยะหลังน้องหมาดำใช้วิธีเดินไปมาและพยายามพันแข้งพันขา ให้ฉันสำนึกได้ด้วยตัวเองว่าควรนำอาหารมาให้มันได้แล้ว น้องหมาดำได้อาหารเป็นอันดับที่สาม</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-FJzTNbiEUi8/TkDThabaHZI/AAAAAAAAAOw/AkyR_phvp6w/s1600/fw_guppy_lge.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="246" naa="true" src="http://2.bp.blogspot.com/-FJzTNbiEUi8/TkDThabaHZI/AAAAAAAAAOw/AkyR_phvp6w/s320/fw_guppy_lge.jpg" width="320" /></a></div><br />
<span style="font-size: large;"> สัตว์ที่น่าสงสารที่สุดคือปลาหางนกยูง ฉันมักจะลืมให้อาหารปลาหางนกยูงเกือบทุกวัน บางทีลืมเป็นอาทิตย์ เนื่องจากปลาหางนกยูงไม่เคยร้องขอหรือส่งเสียงใด ๆ ยามฉันเดินผ่านอ่างปลาหางนกยูง พวกมันทำได้แค่ว่ายมามุงกันที่ริมอ่าง ซึ่งถ้าฉันไม่สังเกตก็จะไม่มีวันเห็น ทุกวันปลาหางนกยูงไม่เคยได้อาหาร พวกมันว่ายวนไปมาด้วความหิวโหย</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ฉันค้นพบว่าบางครั้งเราต้องเสียโอกาสในชีวิตมากมาย จากการเก็บงำความต้องการของตัวเอง ดูได้จากแมวและนกแก้วที่เรียกร้องสิทธิของตัวเองอย่างเต็มที่ และได้รับการตอบสนองทันที น้องหมาดำเรียกร้องเล็กน้อยก็ได้เป็นอันดับสาม และปลาหางนกยูงจะได้รับเป็นอันดับท้ายเสมอหรือไม่ได้รับอะไรเลย เพราะไม่ได้แสดงออกและเรียกร้องสิ่งที่ต้องการ</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เราคงไม่อยากเป็นปลาหางนกยูง ที่ได้แต่ว่ายวนไปมา โดยไม่มีจุดหมาย ไม่เคยแสดงเจตจำนงว่าต้องการสิ่งใด สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าเราต้องการสิ่งใด กว่าจะได้สิ่งที่ต้องการก็มักจะได้เป็นคนสุดท้ายเสมอ หรืออาจไม่เคยได้สิ่งที่หวังเลยก็ได้ </span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> อยากได้ อยากมี อยากเป็น สิ่งใด ฉันจะไม่เก็บไว้ในใจอีกแล้ว.. เราควรเรียกร้องสิ่งที่เราควรได้และลงมือทำทันที</span><br />
<span style="font-size: large;"> ฉันจะร้องเสียงดังให้เหมือนแมว..แผดเสียงทำลายประสาทให้เหมือนนกแก้ว..เดินไปมาพันแข้งขาไม่หยุดให้เหมือนน้องหมา..แต่ฉันจะไม่มีวันว่ายวนไปมาโดยไม่รู้ชะตากรรมเหมือนปลาหางนกยูง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">Paokuntima </span><br />
<span style="font-size: large;">9 สิงหาคม 2554</span><br />
talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-28850433519215584972011-07-08T15:54:00.002+07:002011-07-08T15:59:38.547+07:00ดอกไม้ของสังคม<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่ใช่แปลงหรือสวนดอกไม้ที่ผมเพิ่งผ่านไปและได้เห็นความสวยงามเบ่งบานของดอกไม้หลายช่อนานาพันธุ์ ทว่าคือริมถนน กลางฟุตบาทแถวๆ สามย่านนี่เอง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-04Z_R6Y1tp0/ThbGzMoWZeI/AAAAAAAAAOs/Ch_bpk9O-W0/s1600/3.gif" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="http://4.bp.blogspot.com/-04Z_R6Y1tp0/ThbGzMoWZeI/AAAAAAAAAOs/Ch_bpk9O-W0/s1600/3.gif" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">วันนี้เป็นอีกวันของการพระราชทานปริญญาบัตรให้กับบัณฑิตและมหาบัณฑิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่สองแล้ว ผมเห็นคนใส่ชุดครุยเดินถือช่อดอกไม้ มีช่างภาพและญาติมิตรเดินตามกันเป็นสายหลายคน พอดีผมทำงานอยู่ย่านนี้แล้วบังเอิญเดินผ่านร้านรวงแผงขายช่อดอกไม้และของที่ระลึกมอบให้บัณฑิตมากกมายในตอนออกไปกินข้าวกลางวัน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะเพิกเฉยหรือไม่ค่อยรู้สึกรู้สาอะไรกับบรรยากาศที่เห็น แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะผมเดินออกจากรั้วมหา'ลัยมาได้กว่าทศวรรษแล้ว การเรียนจบเฉลิมฉลอง มอบของที่ระลึกและมวลดอกไม้ที่จัดสรรสวยงามให้แก่กัน จึงเป็นเหมือนอากาศธาตุที่ผมเดินเฉียดกรายไปเท่านั้น</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่แล้วเมื่อเห็นดอกไม้มากๆ เข้าก็อดที่จะรู้สึกหรือนึกคิดตามไปไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดหรือเพราะอะไร และตั้งแต่เมื่อไรกันที่ธรรมเนียมการมอบดอกไม้ให้แก่ผู้จบการศึกษาจึงเป็นที่นิยมและแพร่หลายโดยไม่เลือกสถาบัน สถานและกาลเวลา</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ดอกไม้ที่เบ่งบานให้สีสันที่สวยงาม สดชื่น สบายตา นั้นเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงในความหมายถึงความเบิกบานยินดีและเป็นดอกผลของความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นสำเร็จการศึกษาหรือโอกาสอันเป็นมงคลอื่นใดของคนเรา ดอกไม้ก็มักจะถูกนำมาใช้ในโอกาสที่ดีที่พิเศษด้วยกันทั้งนั้น</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่แท้จริงแล้วในระบบการศึกษาโดยเฉพาะอุดมศึกษานั้น การที่ใครสักคนจะเดินเข้าไปในรั้วมหา' ลัยแล้วเดินออกมาได้พร้อมกับปริญญาบัตร อาจจะไม่ใช่ความสำเร็จที่งดงามหรือการมีความหมายถึง "ความรู้" ที่ได้ประสิทธิประสาทลงในตัวบุคคลนั้นจนได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตที่ถึงพร้อมและเป็นเหมือน "ดอกไม้" ที่งดงาม ให้สีสัน รูปทรง คุณค่าทางความรู้สึก ทางใจ ทางการกระทำและผลงาน เป็นดอกไม้ของสังคมได้ทั้งหมดทุกๆ คน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ความสำเร็จที่แท้จริงของการเป็น "ดอกไม้ของสังคม" ในความหมายที่แท้จริง น่าจะอยู่ที่คุณค่า และการลงมือ ได้ให้อะไรแก่สังคมจากการเรียนรู้ที่ผ่านมา เป็นการผลิบานงดงามของความรู้เพื่อฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้คนอื่นๆ ที่ด้อยโอกาสหรือขาดโอกาสมากกว่าเรา </span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ดังนี้แล้วบัณฑิตที่พ้นจากมหา'ลัยออกมาจึงจะไม่ใช่แค่เพียงจำนวนที่มากหลายเหมือนช่อดอกไม้ ซึ่งจะกลายเป็นกองขยะเศษสิ่งที่ทิ้งขว้างเมื่องานพิธีผ่านพ้นไปเช่นช่อดอกไม้ของบัณฑิตทั้งหลายในวันพิเศษนี้เท่านั้น</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-30267164338587147232011-06-29T11:53:00.006+07:002011-06-29T12:09:28.498+07:00เราสร้างประเทศขึ้นจากสงคราม<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ประมาณสองสัปดาห์ที่แล้วผมได้ตามหลานสาวไปเที่ยวบ้านเพื่อนของเธอทางจังหวัดใหญ่แห่งหนึ่งของภาคตะวันออก ก่อนออกเดินทางเรารู้ดีอยู่แล้วว่าพ่อของเพื่อนหลานสาว ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดนั้นกำลังลงสมัคร ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ทำให้ตัวลูกสาวจะต้องคร่ำเคร่ง อดตาหลับขับตานอน เอาใจช่วยพ่อเต็มที่เพื่อชิงชัยในสนามเลือกตั้งเป็นครั้งแรก หลังจากที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นในระดับ ส.จ. มานานนับสิบๆ ปี</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แม้จะเป็นการไปเที่ยวเพื่อเยี่ยมเยียนสอบถามสารทุกข์สุกดิบและได้ไปเที่ยวบ้านของเพื่อนหลานสาวคนนี้เป็นครั้งแรก แต่เจ้าภาพก็ต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่ อุตส่าห์แบ่งเวลาของการช่วยบุพการีหาเสียงและบริหารจัดการต่างๆ มาร่วมวงข้าว (และวงน้ำเมาในยามดึกดื่น) ช่วยจัดหาที่หลับที่นอนที่สะดวกสบายให้กับผู้ที่ไปเยือน สร้างความประทับใจให้กับพวกเราที่เดินทางคณะเดียวกันทุกคน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เราไม่ปฏิเสธว่าอดที่จะมีใจโอนเอียงและอยากเอาใจช่วยสนับสนุนให้พ่อของเธอได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ และพลอยได้รับรู้รับเห็นกระบวนการ "หาเสียง" ที่กำลังเกิดขึ้นและที่เป็นอยู่เป็นไปอย่างช่วยไม่ได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">คืนวันหนึ่งเมื่อปลดปล่อยปล่อยวางจากภาระของการเป็นผู้ประสานหลักให้กับพ่อที่ศูนย์ประสานงานเลือกตั้งของพรรค (ซึ่งก็คือตัวบ้านของเธอในอำเภอ) เราตั้งวงพูดคุยสอบถามถึงการเลือกตั้ง ตอนแรกตั้งใจว่าจะถามเรื่องทั่วๆ ไป แต่แล้วก็พลอยได้รับรู้ถึงบรรยากาศของการแข่งขันระหว่างผู้สมัครต่างพรรค ไปจนกระทั่งถึงกลไกในการหาเสียง การใช้เงินในการติดตั้งป้ายหาเสียง การจ้างรถออกไปวิ่งป่าวประกาศ ราคาค่าพิมพ์ใบปลิวและใบโฆษณาต่างๆ การจ่ายเงินให้กับคนไปเดินแจกใบปลิวแต่ละวันๆ ซึ่งพอๆ หรือแพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำ แม้จะรู้ว่ามีเงินอุดหนุนมาจากทางพรรค และมีการกำหนดการใช้เงินเอาไว้จากคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ตาม แต่เจ้าตัวที่เกี่ยวข้องเองตรงๆ ก็ยังยอมรับว่าที่กำหนดเอาไว้ว่าไม่ให้ผู้ลงสมัครเลือกตั้งใช้เงินหาเสียงในทุกกิจกรรมและกระบวนการต่างๆ ไม่เกินคนละ 1.5 ล้านบาทนั้น มองยังไงก็ไม่น่าจะพอ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">อันนี้ยังไม่รวมถึง เงินที่แต่ละฝ่ายใช้ในการแจกจ่ายให้กับหัวคะแนนเพื่อไปแบ่งปันและแจกจ่ายต่อ เพื่อให้เชื่อมั่นได้ว่าจะมีคะแนนเป็นต่ออีกฝ่ายหนึ่งในวันลงคะแนนอย่างแน่นอน ซึ่งแม้แต่เด็กอมมือก็ยังไม่เชื่อว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้งจะไม่มีการจ่ายเงินซื้อสิทธิขายเสียง เพียงแต่จับได้ไม่มั่นคั้นไม่ตาย ไม่โดนใบเหลืองใบแดงก็ต้องปล่อยๆ ให้เกิดขึ้นต่อไป</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">บรรยากาศและความเป็นจริงของการเลือกตั้ง ส.ส. ในระบบสภาบ้านเราที่เกิดขึ้น จึงไม่ต่างจาก "สมรภูมิ" "ศึกสงคราม" และการยื้อแย่งแข่งขัน แข่งกันมากๆ ใช้เงินมากๆ โยนขี้โยนบาปให้กับอีกฝ่ายหนึ่งราวกับชาตินี้เกิดมาเป็นศัตรูกัน แต่แล้วพอได้รับเลือกตั้งเข้าไปเป็น ส.ส. แล้วก็ไปปรองดองประสานประโยชน์กันใหม่ หาทาง "ถอนทุน" ที่ลงไปจากการเลือกตั้งเข้าพกเข้าห่อและเครือข่ายเพื่อนพ้องของตัวเองกันต่อไป ดุจ "วงจรอุบาทว์" ที่มีคนเปรียบเทียบเปรียบเปรยการเมืองของไทยเอาไว้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ในวงสนทนากลางค่ำกลางคืนอันเงียบสงบของรีสอร์ตแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกที่ผมนั่งร่วมวงอยู่ด้วย มีพวกเราที่อายุอานามสามสิบกว่าๆ อย่างไรเสียก็ไม่เกินสี่สิบต้นๆ บังเอิญว่าในวงมีเด็กผู้หญิงซึ่งเป็นหลานสาวของเพื่อนหลานผมอีกทีในวัย 10 - 11 ปี นั่งอดตาหลับขับตานอน ตากน้ำค้างหาวหวอดๆ นั่งฟังบรรดาน้าๆ ป้าๆ ลุงๆ พูดคุยกันถึงเรื่องการบ้านการเมืองอยู่ด้วย</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เรามาถึงบทสรุปกันที่ว่า บรรยากาศการเลือกตั้งที่ต่อสู้แข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งการใช้เงินมากมายและการสร้างความแบ่งแยกแตกต่างอย่างกับสงครามเช่นนี้ ไม่น่าจะเป็นที่มาของการจัดการบ้านเมืองของเราให้เป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมและสงบน่าอยู่ได้ เพราะเราจะเชื่อมั่น "สันติภาพ" และ "สันติสุข" ที่เกิดจากน้ำมือและน้ำเงินของบรรดาโจรหรือผู้กระหายสงครามที่กำลังอาสาเข้าไปเป็นตัวแทนประชาชนในระบบรัฐสภาได้อย่างไร</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่จริงๆ แล้วควรจะมีหนทางของการเรียนรู้และเข้าถึงประชาธิปไตยหรือระบบตัวแทน เพื่อให้การเมืองของบ้านเราดำเนินไปได้ดีและดูมีความหวังกว่าที่เป็นอยู่ เรื่องระบบการศึกษาและการปลูกฝังแนวคิดการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้กับเด็กๆ ในวัยเรียนก็น่าจะเป็นคำตอบหนึ่ง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ในค่ำคืนนั้นลมพัดแรง แต่ไร้แสงดาว ในหัวใจของผมและทุกคนในวงนั้นรู้ดีว่าเราไม่อาจหวังได้กับความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแม้จะเป็นการเลือกตั้งครั้งนี้หรือครั้งต่อๆ ไปข้างหน้า แต่เราก็ยังอดที่จะหวังไม่ได้ว่าจะมีสักคืนที่ฟ้ามืดๆ ของการเมืองไทยจะผลิแสงดาวแห่งความหวัง...</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-31568354056407528672011-06-13T18:19:00.001+07:002011-06-13T18:20:46.970+07:00ตลาดสนุก<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><i>จอแจ เบียดเสียด และเปียกชื้น...</i></span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">หากให้ใครก็ตามนึกถึงภาพของ "ตลาดสด" ในความคิดขึ้นมาตอนนี้แล้วล่ะก็ คงจะหนีไม่พ้นคำต่างๆ ที่ผมว่ามาเป็นแน่ ซ้ำร้ายอาจจะมีคำอื่นๆ ที่ชวนให้น่าเบื่อ ไม่น่าเดิน ไม่น่านึกถึงอื่นๆ อีกเพียบ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่สำหรับผมเอง ผมรู้สึกว่า คำว่า "ตลาดสด" ช่างเป็นคำที่มีเสน่ห์คำหนึ่งและมีเอกลักษณ์ เป็นคำคำหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่บัญญัติคำคำนี้ขึ้นมา เพื่อเรียกขานแหล่งสถานสำหรับการพบปะแลกเปลี่ยนสินค้าโดยเฉพาะเป็นอาหารสด ผักปลา ผลไม้เป็นคนแรก แต่ก็ช่างให้ภาพและความรู้สึกชัดเจนดีเมื่อมีคำว่า "ตลาด" และคำว่า "สด" อยู่รวมกัน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่ผิดนักหากจะพูดว่าหนึ่งในเอกลักษณ์ของอารมณ์ความรู้สึก ที่สะท้อนถึงวิถีความเป็นอยู่แบบไทยๆ ของคนไทยได้ดีก็คือตลาดสดนั่นเอง ไม่เชื่อคงจะต้องลองหาโอกาสไปเดินเล่นที่ตลาดแถวบ้านดู เน้นว่าขอให้เป็นตลาดสดหรือตลาดเช้าจะคึกคัก สนุกสนานมากกว่า</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมมีอันจะต้องถือถุงผ้าเดินตามคนที่บ้านไปตลาดสดแถวบ้านอันแสนจะคึกคักด้วยข้าวของและผักปลานานาชนิด เพราะต้องเตรียมตัวซื้ออาหารมาต้อนรับเพื่อนฝูงที่จะมากินข้าวที่บ้าน เช้าวันนั้นเป็นวันเสาร์ที่ผมเองอยากจะตื่นนอนสายกว่าปกติสักนิด เมื่ออิดออดนอนต่อไปไม่ได้ ก็ต้องตื่นเตรียมตัวสลัดความง่วงงัวเงียออกจากตัวเพื่อออกไปตลาดสด</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่น่าเชื่อว่าไม่กี่ก้าวที่ย่างเท้าเข้าสู่บรรยากาศตลาดสด ความรู้สึกข้างในผมก็ถูกสั่นกระเพื่อมไหวให้ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งภาพ ทั้งเสียง ทั้งกลิ่นของบรรยากาศที่ได้เห็นจู่โจมเข้าปลุกทุกสรรพความรู้สึกโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">สิ่งต่างๆ อันเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีของตลาดสดคือ แผงผักหลากชนิดหลากสี แผงขายเนื้อสัตว์ทั้งไก่ ปลา ปลาร้าหมัก (ส่งกลิ่นมาด้วย) เหลือบสายตาลงต่ำ ก็มีกะละมังแม่ค้าที่ใส่กบและอึ่งอ่างขังไว้รอคนมาซื้อ ถัดไปจากนั้นคือถาดใส่แมลงกินได้หลายชนิดวางไว้เป็นกองๆ มินับรวมลีลาการเลือกซื้อเลือกหา เจรจาต่อรองของบรรดาแม่ค้าและลูกค้านับสิบนับร้อย</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ฉับพลันที่ผมเหม่อๆ มองดูสิ่งต่างๆ ขณะเดินอยู่ เท้าก็พลันไปเหยียบเอาแผ่นปูนปูพื้นที่ไม่เรียบและมีน้ำขังอยู่ จนกระฉอกขึ้นมาเปรอะเลอะเท้าผม ตอกย้ำความเลอะเทอะเฉอะชื้นที่เป็นอยู่จริงๆ ของตลาดสดที่ชัดเจนติดเนื้อติดตัว</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เดินต่ออีกไม่กี่ก้าว ก็เห็นพระรูปหนึ่งยืนรอคนมาบิณฑบาตรอยู่ตรงหัวมุมตลาด จำได้ว่าเช้าๆ เช่นนี้มาตลาดนี้ทีไร เป็นต้องเจอพระคนนี้ ซึ่งดูไม่เหมือนพระสงฆ์จริงเอาเสียเลย พระที่ไหนจะมาหากินเกาะติดกับตลาดสดและยืนรอคนให้เอาของมาให้เช่นนี้เป็นประจำ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อซื้อข้าวของต่างๆ ที่ต้องการได้แล้ว ผมแวะแผงผลไม้เพื่อซื้อทุเรียนลูกหนึ่ง ป้าที่เป็นแม่ค้าบวกเลขบอกราคาของทุเรียนลูกที่เราเลือกอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนเราต้องออกปากว่าทำไมป้าคิดเลขได้เร็วจัง แม้จะเป็นตัวเลขที่บวกลบคูณหารไม่ลงตัว แต่แม่ค้าส่วนมากมีความสามารถและพรสวรรค์ในการคิดเลขบวกเลขจากการคำนวณน้ำหนักและบอกราคาได้เร็วจริงๆ อาจเพราะประสบการณ์สั่งสมและการอยู่กับการคิดเลขบอกราคาเป็นประจำ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เช้าวันนั้นหลังการเดินตลาดและหอบข้าวของมากมีที่ซื้อหากลับมาได้ ผมเลิกง่วงงัวเงียแล้ว เพราะประสาทถูกปลุกให้ตื่นแทบทุกอณูความรู้สึกภายนอกภายใน ตลาดสดช่างมีความสนุกและเปี่ยมด้วยภาพชีวิตที่แสนจะคึกคักจนยากจะเปรียบได้ว่าความสนุกง่ายๆ ไม่ต้องซื้อต้องหา แต่สามารถชวนให้เรารู้สึก "สด" และ "สนุก" ได้เช่นนี้จะหาได้จากที่ไหนอื่นอีกๆ </span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><i>เพราะในความสดมีความสนุก และในความสนุกมีอยู่ที่ตลาดสดครับ</i></span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-Ht0pdCp1bDk/TfXxwLR9XVI/AAAAAAAAAOo/AFA7hlVoCxE/s1600/64474.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="192" src="http://3.bp.blogspot.com/-Ht0pdCp1bDk/TfXxwLR9XVI/AAAAAAAAAOo/AFA7hlVoCxE/s320/64474.jpg" width="320" /></a></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-14606976326706006752011-06-12T14:39:00.001+07:002011-06-12T15:54:23.757+07:00อย่าลืมพา "หัวใจ" ตัวเองกลับบ้าน <br />
<span style="font-size: large;">หากมีใครถามคุณว่า คุณกลับบ้านครั้งล่าสุดเมื่อไร..คุณอาจจะหัวเราะขำๆ และตอบว่า คุณกลับบ้านทุกวัน และหากถามต่อไปว่า<strong> " คุณพาหัวใจตัวเองกลับบ้านครั้งล่าสุดเมื่อไร.</strong>." คุณจะตอบว่าอย่างไร.. นี่คือคำถามที่ทำให้เช้าวันอาทิตย์ของฉันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล </span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-T3YPlKrYJZE/TfRmr5pGRyI/AAAAAAAAAOk/v2qe0mm5G64/s1600/wallpaper-Jan09_buddha_wo.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="200" src="http://4.bp.blogspot.com/-T3YPlKrYJZE/TfRmr5pGRyI/AAAAAAAAAOk/v2qe0mm5G64/s320/wallpaper-Jan09_buddha_wo.jpg" t8="true" width="320" /></a></div><br />
<span style="font-size: large;"> เมื่อเดือนก่อน ฉันรับงานรวบรวมข้อเขียนธรรมะให้กับลูกค้ารายหนึ่ง ที่ต้องการพิมพ์เป็นธรรมทาน หน้าที่ของฉันก็คืออ่านเรื่องราวข้อคิดธรรมะที่ลูกค้าท่านนั้นคัดสรรรวบรวมมาตลอดชีวิตทั้งหมด และคิดต่อไปว่าหนังสือธรรรมะเล่มนี้จะจัดหมวดหมู่เนื้อหาและรูปเล่มออกมาเป็นเช่นไรดีให้น่าสนใจ</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ระยะหลังมานี้ หรือเรียกอีกอย่างว่า อายุมากขึ้น ฉันกลายเป็นคนเขียนหนังสือช้า..ราวเต่าคลาน และอ่านหนังสือช้ามากกว่าเดิมเป็นสองเท่า ฉันกลายเป็นคนตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือทุกคำ ทุกตัว ราวกับกลัวว่าจะพลาดใจความสำคัญของเนื้อหา ทำให้การทำงานของฉันล่าช้าเสียจนฉันคิดว่าลูกค้าคงเริ่มเบื่อหน่ายกับการทำงานเชื่องช้าของฉันเต็มที ฉัน่จึงพยายามเริ่มเคี่ยวเข็ญตัวเองให้มากขึ้น นั่นคือทุกเช้าระหว่างกินกาแฟและนั่งฟังเสียงนกยามเช้า ฉันจะต้องอ่านข้อเขียนธรรมะให้ได้วันละหนึ่งเรื่องไปพร้อมๆ กันด้วย</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> หลายสัปดาห์ผ่านไป ฉันค้นพบว่าข้อเขียนธรรมะทุกเรื่องที่ได้อ่านล้วนมีพลังและให้ข้อคิดที่โดนใจมากมายเหลือเกิน ความทุกข์ที่คั่งค้างแต่คืนวาน บางครั้งถูกคลี่คลายด้วยข้อคิดสะกิดใจเพียงไม่กี่ประโยคในยามเช้านั่นเอง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เช้านี้ก็เช่นกัน ฉันหยิบบทความธรรมะของพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญโญ ในเรื่อง "พาใจกลับบ้าน" มาพลิกอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจจนจบเรื่อง หัวใจก็พลันเบิกบานแจ่มใส </span><br />
<span style="font-size: large;"> พระอาจารย์ชาญชัยบอกว่า<strong> </strong>กายนั้นเป็นบ้านของใจ เมื่อเอาใจมาอยู่กับกาย ก็เหมือนให้ใจอยู่กับบ้าน <strong>หากเราปล่อยให้ใจของเราออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าน ซึ่งมีภัยสารพัดอย่าง ใจที่ชอบหนีออกไปเที่ยวนอกบ้านจะได้รับภัย ทำให้ใจมีทุกข์เป็นประจำ</strong> ท่านแนะนำว่า<strong>เราควรพา "หัวใจ" ตัวเองกลับบ้านบ้าง ในบ้านมีงานให้ทำมากมาย มีสิ่งให้รับรู้หลายสิ่งหลายอย่าง</strong></span><br />
<span style="font-size: large;"> การหมั่นพาหัวใจตัวเองกลับบ้าน..จะช่วยทำให้กิเลสใหม่ไม่เข้ามาเพิ่มในบ้าน..ขณะเดียวกันก็ช่วยทอนกำลังของกิเลสเก่าที่อยู่ในบ้านให้อ่อนกำลังลงไป</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ใช่หรือไม่ ร่างกายของเรากลับบ้านทุกวัน..แต่บางครั้งหัวใจเราไม่เคยกลับถึงบ้านเลย..บ่อยครั้งใจของเราหลงทางอยู่กับความวิตกกังวลของวันพรุ่งนี้ที่ไม่เคยมาถึง..และบางทีก็ถูกความโศกเศร้าทุกข์ตรมจากอดีตวันวานกักขังหัวใจเราไว้ตลอดกาล.. บ้านของเรา. ที่ไม่มีหัวใจ...จึงเป็นบ้านที่รกเรื้อด้วยหยากไย่ ไร้ระเบียบ เพราะขาดการดูแลเอาใจใส่ และไม่เคยมีเวลาขัดเกลากิเลสออกจากบ้านตัวเอง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> วันนี้..ฉันพา "หัวใจ" ตัวเองกลับมาถึงบ้านแล้ว..หลังจากหัวใจของฉันเดินทางออกจากบ้านไปนานแสนนาน..</span><br />
<span style="font-size: large;"> แล้วคุณล่ะ วันนี้พาหัวใจตัวเองกลับบ้านหรือยัง?</span><br />
<br />
<br />
<span style="font-size: large;">Paokuntima</span><br />
<span style="font-size: large;">12/06/11</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-84116707338440764612011-06-11T21:22:00.003+07:002011-06-12T21:38:03.377+07:00ดอกไม้ภายใน<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-yUp1sQNAKWc/TfN57q97gtI/AAAAAAAAAOg/S6SX4HHyVQc/s1600/photo+%252815%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="400" src="http://3.bp.blogspot.com/-yUp1sQNAKWc/TfN57q97gtI/AAAAAAAAAOg/S6SX4HHyVQc/s400/photo+%252815%2529.jpg" width="300" /></a></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span class="Apple-style-span" style="line-height: 18px;"></span></span><br />
<div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span lang="TH" style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;">หลายวันก่อนผมเก็บดอกเข็มอุณากรรณสีชมพูอ่อนบานสวยสองสามดอกที่ร่วงหล่นลงมาซบพื้นตรงนอกชานบ้านเอามาหยิบพินิจดูเล่น พลันก็เกิดความคิดขึ้นมาได้ว่า การเบ่งบานและคงอยู่ในเรือนต้น บนช่อดอกของเหล่าดอกไม้นั้นช่างแสนสั้น ดอกไม้ผลิบานเพื่อที่จะร่วงโรย เหตุใดกันช่วงเวลาที่สวยงามที่สุด เบ่งบานเต็มที่ที่สุด เปล่งสีส่งกลิ่นเพื่อเรียกแมลง ผึ้งและหมู่ภมร กระทั่งสายตาคนให้หยุดอยู่กับความหอมความหวานของกลีบเกสร และความสวยงามของดอกไม้ จึงเป็นช่วงเวลาสุดท้ายเมื่อความงดงามความสมบูรณ์ถึงพร้อมในช่วงเวลาเบ่งบานของดอกไม้...แล้วก็ร่วงหล่นร่วงโรยไปอย่างง่ายดาย</span><span style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;"><o:p></o:p></span></span></div><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"> </span><br />
<div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><br />
</span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span lang="TH" style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;">อาจเป็นความรู้สึกเดียวกันนี้หรือไม่ที่ทำให้คนเราตระหนักและหวงแหนเวลาแห่งความสุข ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตจะเบ่งบาน เปล่งประกายเปี่ยมด้วยสีสันแห่งความสุขที่อยู่รายรอบออกมาให้คนอื่นๆ สัมผัสรับรู้ได้ดังกำลังมองการเบ่งบานของดอกไม้ แต่บ่อยครั้งเวลาแห่งความสุขก็ร่วงโรยและพ้นผ่านไปอย่างง่ายดายดุจห้วงเวลาสุดท้ายที่ดอกไม้สักดอกเบ่งบานเพื่อที่จะร่วงหล่นพ้นจากต้น</span><span style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;"><o:p></o:p></span></span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><br />
</span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span lang="TH" style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;">ผมหยุดดูดอกไม้ที่ผลิบานอยู่ในช่วงเวลานั้นและรับรู้ว่า แม้ดอกไม้ที่มองเห็นเหมือนจะสวยงามเพียงใดก็ตาม แต่ดอกไม้เหล่านี้ก็กำลังจะโรยรา เหี่ยวเฉา และแห้งเหี่ยวเปลี่ยนแปรไปอย่างรวดเร็ว เพราะชีวิตช่วงสุดท้ายของดอกไม้เมื่อหลุดจากกิ่งก้านช่อดอกและต้นออกไปแล้ว หากไม่มีการแช่น้ำถนอมเอาไว้ก็ย่อมง่ายดายที่ความสวยงามเบ่งบานที่เห็นจะเปลี่ยนสภาพและหมดเวลาแห่งความงดงามที่สัมผัสได้ไปอย่างรวดเร็วนัก</span><span style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;"><o:p></o:p></span></span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><br />
</span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span lang="TH" style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;">หากความรู้สึก ความตระหนักรู้เกี่ยวกับชีวิตและความสุขในคืนวันต่างๆ ที่ดำเนินไปของเราเบ่งบานเปรียบเหมือนดอกไม้จริงๆ ช่วงเวลาของความสุขคงไม่ทอดยาวไปได้ไกลเท่าไรนัก บางทีเราอาจต้องแปรเปลี่ยนความเบ่งบานและสีสันที่สวยงามของช่วงเวลาที่กำลังมีความสุขเหมือนดอกไม้ที่ผลิบานเต็มที่ แปรเปลี่ยนเข้ามาเก็บไว้ เป็นเหมือนภาพประทับใจของดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานอยู่ภายในตัวเรา...ไม่มีวันโรยราร่วงหล่น แต่เป็นดอกไม้ภายในที่อาจจะไร้การมีอยู่จริง มองไม่เห็น สูดดมกลิ่นไม่ได้ ชื่นชมกลีบดอกที่สวยงามเบ่งบานในขณะนั้นได้ยากเย็น</span><span style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;"><o:p></o:p></span></span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><br />
</span></div><div class="MsoNormal"><span class="Apple-style-span" style="font-family: 'Cordia New', sans-serif; font-size: large;"><span lang="TH" style="font-family: EucrosiaUPC, serif; font-size: 20pt; line-height: 115%;">แต่หลับตาลงคราใด ก็รู้สึกถึงความสุขได้ทุกครา เหมือนภาพประทับของดอกไม้ที่ผลิบาน เบ่งบาน ไม่พ้นผ่าน ไม่หมดไป...นานเท่านาน<o:p></o:p></span></span></div></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-3955955980600568272011-06-09T16:04:00.002+07:002011-06-09T16:04:41.270+07:00<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-7nM8LaKzWRI/TfCMflCodGI/AAAAAAAAAOc/A_WfoOJS7Fg/s1600/gift+visitor+copy.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="640" src="http://1.bp.blogspot.com/-7nM8LaKzWRI/TfCMflCodGI/AAAAAAAAAOc/A_WfoOJS7Fg/s640/gift+visitor+copy.jpg" t8="true" width="531" /></a></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-6384324049113937762011-06-08T11:01:00.004+07:002011-06-08T13:24:13.915+07:00สัญชาตญาณบอก<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-o6kd1Gq9EKE/Te7piP3QjjI/AAAAAAAAAOU/iN8a-tYGm2Y/s1600/bike2-324x500.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><img border="0" height="320px" src="http://2.bp.blogspot.com/-o6kd1Gq9EKE/Te7piP3QjjI/AAAAAAAAAOU/iN8a-tYGm2Y/s320/bike2-324x500.jpg" width="207px" /></span></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ประมาณปลายสัปดาห์ก่อน a day Foundation และ 'บุญ Bike' ร่วมกันทำกิจกรรมฉายภาพยนตร์เรื่อง "เจ้าหนูสิงห์นักปั่น" Shakariki ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า เพื่อหาเงินบริจาคซื้อจักรยานให้เด็กๆ ที่ขาดแคลน ผมในฐานะของคนใจบุญ (ฮา) และชอบจักรยาน เลยขออนุโมทนาบุญกับกิจกรรมครั้งนี้ด้วยการจองตั๋วเข้าร่วมกิจกรรมและไปนั่งดูหนังครั้งนี้ด้วยคน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">หนังญี่ปุ่นที่สร้างจากการ์ตูนเจ้าหนูสิงห์นักปั่นนี้เล่าเรื่องของเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่ชอบการขี่จักรยานมากๆ และไม่เกี่ยงว่าจักรยานที่เขาขี่จะต้องเป็นจักรยานแบบไหน หรือปั่นไปที่ไหน ขอเพียงได้ปั่นและปั่นเท่านั้นก็สุขใจ เขาหายใจเข้าหายใจออกเป็นการขี่จักรยานถึงขนาดเอาเรื่องการปั่นจักรยานไปเพ้อถึงขณะหลับในห้องเรียน จนต้องโดนครูเอาหนังสือฟาดหัว</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-EPMs52Kci_0/Te7qTLyCQzI/AAAAAAAAAOY/AGOoQ2nY7e0/s1600/shakariki-500x348.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><img border="0" height="222px" src="http://3.bp.blogspot.com/-EPMs52Kci_0/Te7qTLyCQzI/AAAAAAAAAOY/AGOoQ2nY7e0/s320/shakariki-500x348.jpg" width="320px" /></span></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เทรุคุงคือชื่อของวัยรุ่นคนนี้ที่ในที่สุด ความชอบและฝีมือในการปั่นจักรยานอย่างบ้าบิ่น ไม่เหน็ดเหนื่อยและหวั่นเกรงใครก็ไปเข้าตาเพื่อนๆ นักปั่นจักยาน ทำให้เขาเป็นที่สนใจของชมรมจักรยานแข่งขันของโรงเรียนซึ่งอยู่ในช่วงตกต่ำ เพราะขาดนักแข่งฝีมือดี การเข้าร่วมชมรมทำให้เทรุคุงจะต้องหัดและปรับตัวเพื่อที่จะรู้จักกับจักรยานแบบใหม่ที่ใช้แข่งซึ่งเขาเองไม่เคยรู้จักมาก่อน ที่เรียกว่า "โรดเรซไบค์" และที่สำคัญก็คือ การเรียนรู้ที่จะแข่งขันร่วมกับทีมพร้อมกับกฎระเบียบของการแข่งขันจักรยานทางเรียบที่หยุมหยิมมากมาย ใช่แต่เพียงว่ามีสัญชาตญาณในขี่จักรยานที่ดี เก่ง หรือชอบปั่นจักรยานเท่านั้นจะเพียงพอและเอาชนะการแข่งขันได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ผมดูหนังเกี่ยวกับจักรยานและการแข่งขันแบบ "สะอาดๆ" ซึ่งให้พลังที่ดีตามประสาหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ด้วยความสนุก และแอบลุ้นว่า การที่เอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับวงการแข่งขันจักรยานจะทำให้ "สัญชาตญาณ" ในตัวของตัวเอก ซึ่งคือเทรุคุงในเรื่องจะสูญเสียไปหรือเปล่า เพราะในหนังมีตัวเปรียบเทียบอีกคนซึ่งเป็นนักปั่นยอดฝีมือจากโรงเรียนคู่แข่งชื่อยูตะ ซึ่งแม้จะปั่นจักรยานเก่งและเร็ว แต่ก็เอาจริงเอาจังเข้มงวดและต้องการเอาชัย มากกว่าจะเป็นความสนุกจากภายในหรือความรู้สึกรักชอบที่จะปั่นเหมือนเทรุคุง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">อีกมุมหนึ่งนั้นหนังเรื่องนี้บอกเล่าถึงประวัติในวัยเด็กของเทรุคุง ซึ่งไม่มีเพื่อนและเติบโตขึ้นมาในเมืองแห่งหนึ่งในแถบคันไซ (ภาคตะวันตกของญี่ปุ่น) ซึ่งสภาพของเมืองเป็นเนินเขาจนทำให้ไม่มีเด็กๆ หรือคนทั่วไปในเมืองนั้นที่จะใช้จักรยานกัน เพราะความเป็นเนินสูงที่ไม่เอื้อต่อการใช้จักรยาน แต่เทรุคุงก็ไม่เคยท้อ แม้จะโดนเพื่อนในวัยเดียวกันล้อหรือแซวในความดื้อดึงที่จะปั่นจักรยานเพื่อเอาชนะเนินสูงของเมืองก็ตาม แต่เขาก็ไม่ท้อแท้หรือเลิกปั่น แต่กลับกลายเป็นยิ่งรักยิ่งชอบการปั่นจักรยานขึ้นเนินเอาชนะความสูงเพิ่มเติมขึ้นมาอีก</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ในตอนท้ายของหนัง เทรุคุงเอาชนะยูตะ สุดยอดนักปั่นได้ในที่สุด แต่เขาก็ไม่ได้เป็นเข้าเป็นที่หนึ่ง เพราะ "เอส" หรือตำแหน่งผู้นำทีมในทีมเดียวกันที่ชื่อป๊อบโปะเป็นผู้เข้าเส้นชัยไปก่อน ในระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรของการแข่งขันจักรยานทั้งยังต้องป่ายปีนเขาสูงชัน นอกจากความเร็วและความอดทน สิ่งที่เทรุคุงไม่เคยสูญเสียไปเลยก็คือ "สัญชาตญาณในตัว" ในการเป็นคนรักจักรยานและชอบการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางใดๆ หรือบนสนามแข่งขัน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ภาพเกือบสุดท้ายของหนังเรื่องนี้เป็นภาพเทรุคุงทรุดตัวลงข้างจักยานหลังเข้าเส้นชัย แล้วพูดกับตัวเองดังๆ ว่า " เหนื่อยมาก แต่ก็มันสุดๆเลยที่ได้ปั่นจักรยาน" บ่งบอกว่าการแข่งขันและโลกของความเร็วบนอานจักรยานที่เขาพาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรักความฝันจักรยานในตัวเขา</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ตอนนั้นเองที่ทำให้ผมได้คิดว่า คนเราอาจจะเป็นอะไรก็ได้ หรือเรียนรู้อะไรก็ได้ แต่น่าจะดีกว่าถ้าเรายังรักษาสัญชาตญาณหรือธรรมชาติในตัวตนของความเป็นเราเอาไว้ให้ได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span style="font-size: large;"><span class="Apple-style-span">แม้จะไม่ใช่เรื่องจักรยาน แต่โลกและชีวิตก็คอยเปรียบเทียบและผลักดันเราเข้าสู่การแข่งขัน คงต้องคิดกันแล้วล่ะครับว่าทำอย่างไรเราจึงจะออกไปปั่นอย่างเสรี และอยู่กับโลกอย่างไม่สูญเสียความเป็นเร</span>า</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-63642862338047905912011-06-03T17:13:00.004+07:002011-06-03T18:06:49.828+07:00บานหน้าต่างสู่ชีวิต<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-97XzuF1Ha84/TehREFq0vdI/AAAAAAAAAOQ/XepopKTKk1k/s1600/photo+%252814%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><img border="0" height="320" src="http://1.bp.blogspot.com/-97XzuF1Ha84/TehREFq0vdI/AAAAAAAAAOQ/XepopKTKk1k/s320/photo+%252814%2529.jpg" width="240" /></span></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ชีวิตมีเงื่อนไขเพื่อก่อเกิดความสุขอันเรียบง่ายได้ไม่ยากเย็น แต่ก็ดูเหมือนเป็นความลับอันเร้นลึกและศิลปะแห่งความเป็นคนที่ต้องคอยค้นหา เรียนรู้ และทดลองทำ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">บางทีเราก็ต้องการความกล้าบ้าบิ่น ทำอะไรที่แตกต่าง ออกไปทายท้าโลกและความคุ้นเคยเดิมๆ ดูบ้าง บางทีเราเองก็อาจต้องการความนิ่งเฉยเฉื่อยเนือยในบางจังหวะลีลาของชีวิตที่กำลังบอกกับเราว่า จะสุขขึ้น ถ้าหากว่าชีวิตให้ช้าลง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">โลกเปรียบเหมือนบ้านหนึ่งหลังที่ต้องมีประตู หน้าต่าง เสา หลังคา และระเบียง รวมกันทำหน้าที่ประกอบขึ้นมาเป็นบ้านที่สมบูรณ์ เพื่อให้คนอยู่ในบ้านมีกิจกรรมต่างๆ ที่น่าสนใจ ใช้ชีวิตได้ดี กระทั่งมีความพร้อม ความกล้าหาญและกำลังใจที่เข้มแข็งที่จะออกจากบ้านของเรา ไปเคาะประตูบ้านหลังอื่น และร่วมบรรเลงบทเพลงแห่งความเป็นโลก ที่หลายชีวิตต้องขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">หากประตูบ้านบานใหญ่นำเราออกไปจากบ้านสู่เรื่องราวและประสบการณ์แปลกใหม่หลากหลายได้ง่ายดาย แต่แค่เพียงปิดประตูลง เราและโลกภายนอกก็จะกลับกลายเป็นคนละส่วนกันทันที ขณะที่บ้านหนึ่งหลังต้องมีประตูทำหน้าที่เปิดหรือปิดกั้น บานหน้าต่างกลับกำลังทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป บางครั้งเราไม่ต้องเดินออกไป หรือกระโจนผ่านทางหน้าต่าง แค่เพียงนั่งนิ่งๆ และไม่ปล่อยให้บานหน้าต่างนั้นปิดลง สายตาและมุมมองของเราก็อาจเดินทางได้กว้างไกลไปสุดลูกหูลูกตา ตามแต่ใจปรารถนา</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่ว่าโลกหนึ่งใบหรือชีวิตชีวิตหนึ่งล้วนต้องการหน้าต่างไว้คอยผ่อนคลายสายตา เปิดมุมมองของเราสู่ทัศนียภาพภายนอก หน้าต่างแม้จะทำหน้าที่ใกล้เคียงกันกับประตู คือต้องเปิดออกไปจึงจะสามารถพาทั้งตัวตน สายตา ความคิดที่ล่องลอยของเราพ้นผ่านกรอบประตูและบานหน้าต่างไปได้ แต่บ่อยครั้งเรากลับเพิกเฉยหรือไม่สนใจที่จะให้ความสำคัญต่อ "การเปิดหน้าต่าง" ของชีวิต ด้วยความกลัวความมืดภายนอก กลัวความไม่คุ้นเคย กลัวความแปลกใหม่แปลกหน้า ฯลฯ ด้วยความกลัวและความเกรงทั้งหลายจึงง่ายดายที่บานหน้าต่างของชีวิตของหลายๆ คนจะถูกหลงลืมว่ามันเปิดได้ ถูกปิดลงหรือแม้แต่ปิดตาย</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">โลกเบื้องหลังกรอบประตูและบานหน้าต่างอาจไม่งดงามหรือเป็นไปตามอย่างที่คาดคิดเอาไว้เสมอ แต่ก็มีเชื้อแห่งความแปลกใหม่ให้ชีวิต ดุจอากาศใหม่ๆ และสายลมเย็นๆ ที่เคลื่อนไหวผ่านหน้าต่างเข้ามาในบ้าน ดุจภาพกว้างไกลและงดงามจากภายนอกที่จะประจักษ์ต่อสายตา ขอเพียงเราไม่ปิดกั้นโอกาสและเปิดใจ เปิดบานหน้าต่างเอาไว้...ออกไปสู่ความกว้างไกลทายท้าของชีวิต</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-84052512783876231872011-06-02T12:54:00.001+07:002011-06-02T12:54:54.811+07:00บานประตูสู่ขุนเขา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-NzBQDqum9uM/Teck1hJDa7I/AAAAAAAAAOM/zHM-BVU86xI/s1600/kinabalu.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="http://3.bp.blogspot.com/-NzBQDqum9uM/Teck1hJDa7I/AAAAAAAAAOM/zHM-BVU86xI/s320/kinabalu.jpg" width="320" /></a></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">กาลครั้งหนึ่งนานหลายปีแล้ว ฉันเลือกที่จะมีอิสรภาพด้านเวลา แล้วหันหลังให้กับความมั่นคงทางการเงิน นั่นคือวันที่ฉันลาออกจากงานประจำ</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">การลาออกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การตื่นขึ้นมาแต่ละวันเพื่อถามตัวเองว่า วันนี้จะเหมือนวันว่างๆ เมื่อวานหรือวานซืนหรือเปล่า พรุ่งนี้ฟรีแลนซ์อย่างเราจะมีงานเข้ามั้ย เราจะมีแรงผลักดันตัวเองจากอิสระอันล้นเหลือชวนเสียผู้เสียคนนี้หรือไม่ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">หวนกลับไปมองช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่น่าอิจฉาไม่ใช่น้อย </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ไม่มีนาฬิกาปลุก ไม่ต้องเด้งตัวเองลุกจากเตียง เช้าวันฝนตก ก็นอนอุตุ (ล้วนแล้วแต่เป็นนิสัยของคนขี้เกียจทั้งสิ้น </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">:<span lang="TH">) </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">วันไหนมีงาน ไปทำงาน วันไหน ไม่มีงาน ก็หางานทำเอง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ถ้าไม่ติดเรื่องงบ จะอยู่ยาวแค่ไหนยืดหยุ่นได้เสมอ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ช่วงวันหยุดลองวีคเอ็นด์ เราเก็บตัวจำศีล พอถึงวันธรรมดา เราลั้ลลาตามอัธยาศัย</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">บ้านคือที่ทำงาน บ้านคือร้านอาหาร บ้านคือโรงแรมส่วนตัว </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ชีวิตผูกพันกับบ้านมากขึ้น</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">แต่แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ชีวิตบทใหม่จะเริ่มขึ้น เมื่อโอกาสเปิดประตูให้ฉันก้าวเดินไปบนความท้าทายอันใหม่</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">พี่เป้า หนึ่งในสามสหายของบล็อกตะลุมบอนบอกว่า ยิ่งโต (หรือยิ่งแก่นั่นเอง) ก็ยิ่งเชื่อว่าชีวิตคนเราถูกลิขิตไว้แล้ว </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">โอกาสเป็นของแปลก จู่ๆ ก็มา จู่ๆ ก็ไป แล้วจู่ๆ ก็วกกลับมาใหม่</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">นี่คือโชคชะตาของฉันในช่วงนี้</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ประตูบานหนึ่งได้เปิดขึ้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าหนทางที่ทอดยาวเบื้องหลังบานประตูจะเป็นเช่นไร นอกจากเดินไปดูด้วยตาตัวเอง</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เส้นทางจะราบเรียบ ขรุขระ หรือเจอภูเขาสูงชัน เมื่อตัดสินใจออกเดินแล้ว ขอให้เชื่อเถอะว่า เราแข็งแรงกว่าที่คิดเสมอ</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เมื่อโอกาสมาหา ฉันไขว่คว้าไว้ และบอกกับตัวเองว่า แม้ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเย็นที่หน้าต่างห้องทำงานที่บ้าน แต่ฉันจะเห็นแสงยามเช้าบนเส้นทางสู่ออฟฟิศใหม่</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">สวัสดีงานประจำ เจอกันอีกครั้งล่ะนะ </span></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-85582913302346189312011-06-02T12:42:00.001+07:002011-06-02T12:43:38.693+07:00แทนการเดินทางอันรื่นรมย์<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-3sv33uADaqo/Tecd4RjJAFI/AAAAAAAAAOE/jzdv-XBJUOk/s1600/photo+%252812%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="300" src="http://3.bp.blogspot.com/-3sv33uADaqo/Tecd4RjJAFI/AAAAAAAAAOE/jzdv-XBJUOk/s400/photo+%252812%2529.jpg" width="400" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">โปสการ์ดขนาดใหญ่กว่าปกติ ส่งจากดาร์จีลิง อินเดียจากบ้าน Feel Good แปะอยู่บนฝาด้านบนของตู้เย็นที่บ้าน ส่งถ้อยคำปลุกเร้าหัวใจให้คร่ำครวญหาการเดินทาง...โดยเฉพาะรสชาติการเดินทางในอินเดียที่ยากจะหาใดเปรียบ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">โปสการ์ดจากครอบครัวศรีบุณยาภิรัต เชียงใหม่ แต่เป็นเรื่องราวการเดินทางเที่ยวเชียงรายของครอบครัวเพื่อน บอกเล่าความสนุกและความคิดถึงผ่านลายมือของพ่อ แม่ ลูกลงในกระดาษใบเดียวกัน พร้อมกับตราปั๊มจากวัดร่องขุ่น สนับสนุนข้อความว่าได้ไปเที่ยวที่นั่นแล้วจริงๆ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">...ยังคงมีโปสการ์ดอีกนับร้อยๆ ใบที่เคยเขียนและส่งมาถึง เมื่ออ่านแล้วที่ทางของโปสการ์ดเหล่านี้อาจจะอยู่ในแฟ้มที่เอาไว้เก็บโปสการ์ดโดยเฉพาะ แปะไว้ด้วยแม่เหล็กติดตู้เย็น ห้อยแขวนไว้บนราวแต่งฝาบ้าน หรือแม้แต่กระทั่งถูกเก็บลงไว้ในกล่องก็ตาม แต่ที่ทางหนึ่งอันแน่นอน ซึ่งโปสการ์ดทุกใบและทุกเรื่องราวที่ได้รับมาเอาไว้ถูกเก็บเอาไว้ ก็คือในหัวใจ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ธรรมเนียมของการเขียนและส่งโปสการ์ดถึงเพื่อนฝูง คนในครอบครัว หรือคนที่เราคำนึงถึง แม้แต่กระทั่งส่งถึงตัวเอง อาจจะเริ่มขึ้นมานานเพียงใดแล้วคงไม่มีใครให้คำตอบได้แน่ชัด รู้แต่ว่าต่อให้เป็นยุคสมัยของโทรเลข โทรศัพท์ทั้งแบบมีสายหรือไร้สาย อีเมลหรืออี- การ์ด ทวิตเตอร์หรือเฟซบุ๊กเหมือนเช่นวันนี้ ก็ยังมีใครหลายคนที่ผูกสมัครรักใคร่กับการพกกระดาษแผ่นน้อยๆ ที่ด้านหนึ่งเป็นภาพสวยๆ อีกด้านเป็นหน้ากระดาษขาวๆ เอาไว้บรรจุเรื่องราว ความรู้สึก ความรักความชอบ ความสนุกหรือเรื่องบ่นปรับทุกข์ลงในหน้าว่างๆ แม้จะบรรจุได้ไม่กี่ข้อความของโปสการ์ด อย่างไม่เคยพ้นยุคพ้นสมัยไปเสียที</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">และโดยเฉพาะในยามที่เราได้เดินทางไปเปิดหูเปิดตา ไปประสบกับแรงบันดาลใจก้อนใหญ่ก้อนโต ความสนุกหรือประทับใจที่ล้นอก คนที่ชอบเขียนชอบบันทึก ก็ยิ่งอยากจะหามุมสงบนั่งลง จรดปากกาบนด้านหลังโปสการ์ดเพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่ได้ประสบพบเห็น...บนการเดินทางหนึ่งๆ เพื่อส่งหาใครสักคน จนกลายเป็นเหมือนเรื่องราวหรือองค์ประกอบหนึ่งจากการเดินทางที่หากไม่ทำ ไม่เขียน ไม่ส่งถึงใครแล้ว เป็นอันไม่ครบรสชาติการเดินทางที่รื่นรมย์</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-P-OgPZcAZho/TechDArU9aI/AAAAAAAAAOI/4fMaBRXgcUU/s1600/stamp_muji.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="115" src="http://3.bp.blogspot.com/-P-OgPZcAZho/TechDArU9aI/AAAAAAAAAOI/4fMaBRXgcUU/s400/stamp_muji.jpg" width="400" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"> ความพิเศษและงดงามของเรื่องราวในโปสการ์ด อาจมิได้เป็นเพียงเรื่องราวที่บอกเล่าสะท้อนผ่านตัวหนังสือของผู้เขียนถึงผู้ส่งเท่านั้น แต่ยังเป็นภาพงามๆ ด้านหน้าโปสการ์ด ตราประทับบ่งบอกการออกเดินทางจากจุดแรกของการส่ง พร้อมกับแสตมป์ที่เป็นเอกลักษณ์จากแต่ละถิ่นที่ เมื่อทุกๆ อย่างประกอบเข้าด้วยกัน โปสการ์ดก็กลายเป็นเหมือนงานศิลปะชิ้นเล็กๆ หรือแกลลอรี่เคลื่อนที่ ที่พร้อมจะเดินทางผ่านสายตาเข้าถึงหัวใจของผู้รับที่ปลายทาง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แม้อย่างน้อยโปสการ์ดสองใบจากครอบครัวพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ส่งมาให้ที่บ้าน จะยังไม่มีการเขียนตอบ แต่ผมอยากจะเอ่ยคำหนึ่งเอาไว้ตรงนี้ว่า...</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><i>...ขอบคุณยิ่งที่คิดถึงกัน</i></span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-1863673156305453852011-06-01T17:47:00.003+07:002011-06-02T11:28:26.211+07:00หลุมสบาย<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-f0HMnFjUE4Q/TeYXNSbbinI/AAAAAAAAAOA/hD0wSDEYPLU/s1600/classified-ads.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="212" src="http://2.bp.blogspot.com/-f0HMnFjUE4Q/TeYXNSbbinI/AAAAAAAAAOA/hD0wSDEYPLU/s320/classified-ads.jpg" width="320" /></a></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Angsana New"; font-size: 14pt;"> </span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">คงมีนายจ้างน้อยคนนักที่รู้สึกแฮปปี้ ถ้าเห็นพนักงานของตนกำลังคร่ำเคร่งไล่สายตาไปบนหน้า </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">classified <span lang="TH">เพราะการเปิดดูหน้าสมัครงาน ร้อยทั้งร้อยพะยี่ห้อว่ากำลังเตรียมชิ่งหางานใหม่อยู่แหงๆ</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">แต่เชื่อหรือไม่ อดีตนายจ้างของฉันกลับส่งเสริมให้ลูกน้องทุกคนหมั่นเปิดดูหน้า </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">classified <span lang="TH">อยู่เสมอ</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">คุณปรีชา ประกอบกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด </span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">อดีตนายใหญ่ที่สุดของฉันมัก</span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">บอกพนักงานอยู่เสมอว่า แม้จะมีงานประจำที่มั่นคงแล้ว จงอย่าละเลยการเปิดดูหน้าสมัครงาน</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ฟังแล้วน่าหวาดเสียว หรือเจ้านายจะบอกเป็นนัยๆ ว่าเตรียมหางานใหม่ได้แล้ว </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มองว่างานประจำคือความมั่นคงทางการเงิน ทุกสิ้นเดือนมีรายได้แน่นอนเข้าบัญชี บางคนทำงานนานๆ เข้า ระดับความตื่นเต้น ความกระตือรือร้น ความขยัน และความใฝ่รู้ก็ลดน้อยลง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">กลายเป็นอยู่ไปเรื่อยๆ ทำไปตามหน้าที่ เดี๋ยวสิ้นเดือนก็มีเงินโอนเข้าบัญชี เรียกได้ว่า ณ จุดนี้ปลอดภัยหายห่วง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ฝรั่งเรียกอาการแบบนี้ว่ากำลังติดอยู่ใน </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">comfort zone <span lang="TH">คุณปรีชาใช้คำว่า </span>“<span lang="TH">หลุมสบาย</span>”</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">คำว่าหลุมอาจฟังดูน่ากลัวบ้าง แต่นึกดูแล้วก็เหมาะสมดี เพราะหลุมคือสภาพของแอ่งที่มีความลึกพอประมาณ ความกว้างพอให้ดิ้นขลุกขลักได้นิดหน่อย ด้วยความที่เป็น </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">“comfort” zone <span lang="TH">เมื่อนั่งแช่ในหลุมแล้วสบายดี ก็เลยไม่ค่อยอยากขยับเขยื้อนเนื้อตัวไปไหน</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">นี่คืออาการของคนทำงานประจำนานๆ (หรือแม้แต่คนที่ไม่ทำงานประจำนานๆ เช่นฉัน เหมือนกัน)</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">คุณปรีชาบอกว่าแม้จะทำงานที่แอมเวย์มาหลายสิบปีแล้ว เขายังคงเปิดดูหน้า </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">classified <span lang="TH">อยู่เสมอ นัยยะที่ซ่อนอยู่ในประกาศรับสมัครงานทำให้เขาไม่หยุดพัฒนาตนเอง</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เมื่อเราอ่านประกาศรับสมัครงาน จะพบว่าคุณสมบัติล้ำเลิศคือสิ่งที่ทุกบริษัทต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทักษะพูด-อ่านและเขียนภาษาอังกฤษเป็นเลิศ สู้งานหนัก มนุษย์สัมพันธ์ดี มีความรับผิดชอบสูง ฯลฯ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">การที่คุณปรีชาบอกให้พนักงานเปิดดูหน้าสมัครงาน จึงไม่ใช่การเปิดสัญญาณเตือนภัย แต่หมายถึงการส่งเสริมให้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพราะคนที่พร้อมจะสมัครงาน ย่อมต้องเตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามแข่งขัน</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">อย่ามัวนอนนิ่งติดแหง็กใน </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">comfort zone<span lang="TH"> แม้อากาศด้านนอกหลุมอาจไม่เย็นสบายเท่า แต่แสงแดดที่สดใสก็ชวนให้หัวใจออกเริงร่า สายฝนที่ตกพรำท้าทายให้เราวิ่งหลบฝน </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> จะเป็นตอไม้ที่ตายแล้ว</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">หรือใบมีดที่แหลมคม</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เราเป็นผู้เลือกเองทั้งสิ้น</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-75247640862624606992011-06-01T12:10:00.000+07:002011-06-01T12:10:17.083+07:00ดอกไม้..บ้าน..และความรัก <strong> <span style="font-size: large;">"วันนี้จะไปโอนบ้านแล้วนะพี่" </span></strong><br />
<span style="font-size: large;"> เพื่อนรุ่นน้องของฉันคนหนึ่งโทรมาแจ้งข่าวยามสาย ฉันรู้สึกยินดีปรีดาอย่างยิ่งที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ สามารถซื้อบ้านเดี่ยวราคากว่า 5 ล้านบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงและเงินทุกบาททุกสตางค์ด้วยตัวเองโดยแท้ และที่สำคัญการที่เพื่อนซื้อบ้าน ก็เท่ากับฉันมีที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มขึ้นอีกที่หนึ่ง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เธอบอกฉันว่า ที่บ้านเธอมีต้นปีบขนาดใหญ่หลายต้น เจ้าของเดิมปลูกไว้แล้ว กลิ่นกำลังหอมยวนใจ และเธอกำลังรื้อทำครัวใหม่เพื่อให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม พวกเราจะได้เอาตัวเข้าไปสุมในครัวเพื่อทำอาหารสำหรับเพื่อนๆ เธอยังเล่าต่อไปว่าจะลงไม้ดอกอีกหลายชนิด โดยเฉพาะไม้ดอกไทยๆ สำหรับเรา..บ้านที่เป็นบ้านจะต้องมีดอกไม้</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> พวกเราชอบดอกไม้โบราณ เราเคยใฝ่ฝันจะปลูกจันทร์กระพ้อ เพราะหลงใหลได้ปลื้มกับเพลง<strong>ดอกจันทร์กระพ้อร่วงพรู ใจไม่เคยร่วงสู่ แผ่นดินถิ่นไหน..โดยง่าย..</strong>แต่พอไปสอบถามราคาจันทร์กระพ้อแล้วต้องทำหน้าท้อกลับมา เพราะราคาแพงระดับหลักหมื่น แถมออกดอกยากเย็นเข็ญใจ กว่าจะได้เห็นดอก บางทีเราก็อาจแก่เฒ่าไปเสียก่อนก็ได้ ดังนั้นแค่ดอกปีบ นางแย้ม สายหยุด ราคาหลักร้อยก็น่าจะทำให้เรามีความสุขได้เช่นกัน</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> การจะมีบ้านสักหลังในยุคนี้ยังคงเป็นเรื่องสุดเอื้อม ด้วยสนนราคาหลักล้านซึ่งไมได้หากันง่ายๆ เลยสำหรับคนทำงานประจำ แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะไม่ยอมลงแรงเพื่อซื้อบ้านของตัวเอง ฉันมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจดีที่สุดสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-tAr5YjpSSPk/TeXB3s3uTVI/AAAAAAAAAN8/5xFKSVR4OCA/s1600/IMG_0216.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://2.bp.blogspot.com/-tAr5YjpSSPk/TeXB3s3uTVI/AAAAAAAAAN8/5xFKSVR4OCA/s320/IMG_0216.jpg" t8="true" width="240" /></a></div><br />
<span style="font-size: large;"> เพื่อนฉันคนนี้เธอใฝ่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก และตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านมาตลอดชีวิต แรงบันดาลใจของเธอนั้นแสนเศร้า..เธอเล่าว่าตอนเด็กๆ เธอไม่มีบ้าน..ความทรงจำอันแสนขมขื่นก็คือ เมื่อไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้าน พ่อแม่และพี่ๆน้องๆของเธอจะต้องย้ายบ้าน เธอย้ายบ้านนับครั้งไม่ถ้วน..ภาพความเจ็บปวดฝังลึกในใจเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ ที่รู้สึกว้าเหว่และขาดที่พักพิงอันมั่งคง..ยามฝนตกฟ้าร้อง..บ้านเช่าหลังไหนก็ไม่เคยอบอุ่นและปลอดภัยเท่ากับบ้านของเราเอง...</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> นอกจากไม่มีบ้านแล้ว เงินค่าอาหารกลางวันก็ยังมีไม่พอ..เธอต้องไปช่วยร้านก๋วยเตี๋ยวในโรงเรียนล้างจานเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน..<strong>ชีวิตขาดแคลนไปหมดเสียทุกอย่าง..ยกเว้นความฝันเดียวที่ยังคงเต็มเปี่ยมเสมอนั่นก็คือ ความฝันที่จะมีบ้าน</strong></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ฉันฟังเรื่องนี้ทีไร น้ำตาก็พลันจะร่วงรินเสียทุกครั้ง แต่ก็ยังชอบให้เธอเล่าให้ฟังซ้ำๆ ทุกครั้งที่ไปนั่งอยู่บ้านของเธอ พร้อมจิบกาแฟรสชาติดี ทอดสายตาไปที่สวนสวยรอบบ้านที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงาม </span><br />
<span style="font-size: large;"> ใช่แล้ว นี่คือบ้านของเธอราคากว่า 4 ล้านบาท และแน่นอนเงินทุกบาทุกสตางค์ถูกอดออมมาอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มต้นทำงาน</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เธอบอกฉันว่า <strong>"ฉันไม่ได้มีรายได้มากกว่าคนอื่นเลย เพียงแต่มีความฝันเดียวที่จะมีบ้าน และก็พยายามทำความฝันให้สำเร็จ" </strong></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เพียงแค่เราฝันที่จะมีบ้าน ก็เท่ากับเริ่มต้นวางอิฐก้อนแรกไว้ที่บ้านของเรา</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ฉันขับรถออกจากบ้านของเธอในยามเย็น ฟ้าสีส้มอมเทาข้างหน้า ตัดกับทิวดอกลั่นทมสีขาวพราวสะพรั่งสองฝั่งถนนทางเข้าหมู่บ้านของเธอ เป็นภาพงามตาที่น่าประทับใจ </span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> <strong> แม้ฉันไม่มีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆ แต่มีที่พักใจอบอุ่นเหมือนบ้านตัวเองเพิ่มขึ้นทุกปี..ทันทีที่มิตรสหายโทรมาบอกว่ากำลังตัดสินใจซื้อบ้านใหม่</strong> ^ ^</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">Paokuntima </span><br />
<span style="font-size: large;">1/06/2011</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-73592725469960104602011-06-01T10:43:00.004+07:002011-06-06T16:48:00.739+07:00ร่วมสนุกกับตะลุมบอนจ้า... <br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-Me3lu6dRolU/TeWzKMocxWI/AAAAAAAAAN4/9R0tTQaxUdw/s1600/gift+visitor+copy.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="640" src="http://1.bp.blogspot.com/-Me3lu6dRolU/TeWzKMocxWI/AAAAAAAAAN4/9R0tTQaxUdw/s640/gift+visitor+copy.jpg" t8="true" width="532" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><div align="left"><span style="font-size: large;">พวกเราสามตะลุมบอน เป้า / หมวย / อิท ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่าน</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">ที่เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยดีเสมอมา</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">แทนคำขอบคุณจากใจ..เราจึงขอมอบหนังสือและของที่ระลึกจากฝีมือพวกเราล้วนๆ อันได้แก่</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">1. ไม่มีวันยอมแพ้ขอแค่มีกำลังใจ จาก เป้า กันทิมา (2 รางวัล)</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">2. ความสุขในสวนหลังบ้าน จาก อิท มะดินกี่ (1 รางวัล)</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">3. วันที่ชีวิตเดินทาง จาก อิท มะดินกี่ (1 รางวัล)</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">4. พวงกุญแจ hand made เก๋ไก๋ทำจากใจของ เทียนอันหมวย (2 รางวัล)</span></div><div align="left"><br />
</div><div align="left"><span style="font-size: large;">รวมเป็น 6 รางวัล ส่งกันมาเยอะๆ นะคะ (แม้ของรางวัลเราจะมีน้อย ^ ^) </span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">หมดเขต 10 มิถุนายนนี้</span></div><div align="left"><span style="font-size: large;">ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลวันที่ 15 มิถุนายนนี้นะคะ</span></div><div align="left"><br />
</div><div align="left"><span style="font-size: large;">"กลุ่มตะลุมบอน"</span></div></td></tr>
</tbody></table>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-6338451148752599382011-05-28T19:29:00.000+07:002011-05-28T19:29:01.368+07:00ปุ๋ยของจิตใจ<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">มิใช่แค่ต้นไม้หรอกนะครับที่เหี่ยวแห้งขาดสารอาหารและร่ำร้องผ่านสีเหลืองซีดโรยราทางใบว่า "ขาดปุ๋ย" แต่เราๆ ท่านๆ ที่เป็นคนก็มีสักวันหรือสักโอกาสที่รู้สึกว่า ตอนนี้เราเองกำลังเหี่ยวเฉา ล้าและอ่อนแรง ด้วยขาดสารอาหารทางจิตใจ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ขอเพียงเรามีสติที่จะคอยสังเกตสังกาความรู้สึกและความเป็นไปของตัวเองให้ดี ว่าตอนไหนบ้างที่เรา "ไม่สนุก" กับชีวิตรอบๆ ตัวที่กำลังเคลื่อนไหว และรู้สึกเหมือนแบตเตอรี่ในร่างกายกำลังจะหมด ทุกอย่างดูน่าเบื่อ เหนื่อยหน่ายและช้าลงๆ ทุกขณะ ตอนนั้นน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่เราจะบอกกับตัวเองว่าถึงเวลาที่จะซ่อมบำรุงส่วนที่สึกหรอทางจิตใจโดยด่วน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แต่ส่วนมากแล้ว เวลาที่คนเรากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิต สติปัญญาและกำลังใจกลับเป็นสิ่งที่ขาดหายไปก่อน ซ้ำยังเรียกหาอย่างไรก็เหมือนกู่ไม่กลับและไม่หลงเหลืออยู่ บ่อยครั้งคนเราจึงขาดสติและปล่อยตัวเองเลื่อนลอยไปกับโมงยามที่น่าเบื่อทีละเล็กทีละน้อย จนในที่สุดก็คล้ายจมอยู่ในบ่วงหรือห่วงของความทุกข์ทน โลกไม่น่าอยู่ ผู้คนไม่น่ารัก การงานไม่น่าทำ ชีวิตไม่สนุก กระทั่งถึงขนาดว่าไม่น่าจะมีลมหายใจอยู่ต่อไป</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แท้จริงแล้วจริงหรือที่โลกเลวร้าย ผู้คนที่เราแคร์และรักไม่สนใจหรือไม่ได้ดังใจ แม้แต่คนอื่นที่เราปฏิสัมพันธ์ด้วยจะสามารถกระทำย่ำยีเราอย่างประสงค์ร้าย จนพลอยให้ใจแห้งเหี่ยวราวกับต้นไม้ขาดปุ๋ย ความจริงน่าจะเป็นที่ "ตัวเรา" กับความคาดหวัง ความเข้าใจและความไม่พอใจใน "ความสุข" ที่มีอยู่ ที่ไม่พอดีกันมากกว่า</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: -webkit-auto;"><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span></div><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-MQ29iSCN4Xg/TeDpd8EvHoI/AAAAAAAAAN0/wN04pAx4tMg/s1600/1221224947.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="155" src="http://3.bp.blogspot.com/-MQ29iSCN4Xg/TeDpd8EvHoI/AAAAAAAAAN0/wN04pAx4tMg/s320/1221224947.jpg" width="320" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อเราหมั่นรดน้ำพรวนดิน บำรุงด้วยปุ๋ย หยิบแมลงศัตรูพืชและหนอนออกจากต้นไม้ดอกไม้ในสวนที่บ้านทิ้งออกไป ด้วยหวังว่าต้นไม้ทั้งหลายจะผลิดอกออกใบเป็นความสวยงามร่มรื่นให้ชื่นชมได้ แล้วทำไมเราจะไม่เหลียวแลความรู้สึกและหมั่นขัดเกลา รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยบำรุงให้ร่างกายและจิตใจเราเข้มแข็ง หัวใจของเราก็จะได้ไม่แห้งเหี่ยวเฉา ต่อให้สรรพสิ่งจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางตามที่ใจเราต้องการหรืออยากจะให้เป็นไปตลอดเวลา เพราะสิ่งต่างๆ นั้นย่อมอยู่เหนือการควบคุมของตัวเรา แม้กระทั่งความสุขความทุกข์ในตัวเราเองก็ยากที่จะกำหนดได้เอง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เติมความสุขทีละเม็ดทีละเกล็ดลงในชีวิตเหมือนเราค่อยๆ หย่อนปุ๋ยลงในเนื้อดินของจิตใจและอย่าปล่อยให้ผืนดินของใจเราแห้งผาก</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-34725890538136878192011-05-27T19:02:00.000+07:002011-05-27T19:02:17.916+07:00where we belong to<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:PunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style>
/* Style Definitions */
table.MsoNormalTable
{mso-style-name:"Table Normal";
mso-tstyle-rowband-size:0;
mso-tstyle-colband-size:0;
mso-style-noshow:yes;
mso-style-parent:"";
mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt;
mso-para-margin:0cm;
mso-para-margin-bottom:.0001pt;
mso-pagination:widow-orphan;
font-size:10.0pt;
font-family:"Times New Roman";
mso-bidi-font-family:"Times New Roman";
mso-ansi-language:#0400;
mso-fareast-language:#0400;
mso-bidi-language:#0400;}
</style> <![endif]--> <br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://2.bp.blogspot.com/-1onjB_MnpXs/Td-R3g5lnSI/AAAAAAAAANs/5S5P4tc6Wwk/s1600/cat1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="320" src="http://2.bp.blogspot.com/-1onjB_MnpXs/Td-R3g5lnSI/AAAAAAAAANs/5S5P4tc6Wwk/s320/cat1.jpg" width="240" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ภาพประกอบน่ารักวาดโดยโมโมโกะ</td></tr>
</tbody></table><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">เมื่อวานนี้ฉันได้เฉียดเข้าไปสำรวจชีวิตของคนอยู่หอ เพราะไปช่วยเดินหาหอพักให้หลานจากอุบลฯ ที่สอบติดจุฬาฯ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">จากที่เคยคิดว่าคอนโดฯ สมัยนี้ช่างเล็กน่าอึดอัดเสียนี่กระไร พอได้เห็นหอพักก็พบว่าห้องในหอพักเล็กยิ่งกว่า ค่าเช่าถูกที่สุดคือเดือนละ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">3,700 <span lang="TH">บาท แต่สภาพห้องทั้งหลอนและไม่ปลอดภัย </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าซอกซอยย่านราชเทวีและพญาไทจะมีหอพักยุ่บยั่บขนาดนี้ จำนวนประชากรในย่านนั้นหนาแน่นมาก หอพักมากมายตั้งเรียงรายชิดติดกัน แต่ก็ยังไม่มีห้องว่างให้หลานและเพื่อนเช่าอยู่ ความจริงห้องว่างพอมีบ้างซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะสภาพของมันก็สมควรแล้วที่จะว่างต่อไป</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">ในห้องที่เล็กแคบของหอพัก บางห้องมีคนอยู่ถึง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">4-5 <span lang="TH">คน อยู่กันเป็นครอบครัวทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และคนแก่<span style="mso-spacerun: yes;"> </span></span></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"><span style="mso-tab-count: 1;"> </span></span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">คนกรุงเทพฯ อย่างฉันไม่เคยพลัดถิ่นไปใช้ชีวิตยาวๆ ในจังหวัดอื่นมาก่อน ก็เลยไม่เคยลิ้มรสการอยู่หอ ตอนเรียนมัธยมเคยคิดอยากเป็นนักเรียนประจำตามประสาวัยรุ่นติดเพื่อน พอเรียนมหาวิทยาลัยก็อยากเป็นเด็กหอกับเค้าบ้าง เพราะนอกจากไม่ต้องเดินทางไปกลับแล้ว ยังได้นอนคุยกับเพื่อนร่วมห้องด้วย คิดแล้วน่าสนุก</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"><span style="mso-tab-count: 1;"> </span>เวลาล่วงเลยผ่านไป แม้จะยังไม่มีโอกาสอยู่หอ แต่ก็ได้เปลี่ยนที่พักชั่วคราวยามเดินทางท่องเที่ยว บางครั้งดวงขึ้นได้นอนโรงแรมสุดหรู มีอ่างจากุชชี่ มีแกรนด์เปียโนในห้อง บางคราวดวงตกโคจรไปเจอห้องผีสิง นอนๆ อยู่มีเสียงเคาะหลังคานานเป็นชั่วโมง และบ่อยครั้งได้พบเจอที่พักน่ารักน่าประทับใจ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">ไม่ว่าห้องนอนชั่วคราวจะเก๋หรูอยู่สบายแค่ไหน ทุกครั้งที่ได้กลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่บ้าน ร่างกายและจิตใจดูเหมือนจะได้พักจริงๆ ถึงปลอกหมอนบางใบจะซักจนขึ้นขุย แต่เราสามารถนอนแผ่หลาได้อย่างสนิทใจ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">ฉันคิดว่าช่างโชคดีที่ได้กลับบ้าน</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span></div><div class="MsoNormal"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;">แข้งขาเมื่อยขบตามวัยหลังกลับจากการสำรวจหอพักเมื่อวานนี้ หมอนยวบๆ ใบเก่ารองรับหัวสมองอันหนักอึ้ง ผ้าปูที่นอนผืนใหม่เนียนนุ่มนอนสบาย</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt;"></span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16.0pt; mso-ansi-language: EN-US; mso-bidi-language: TH; mso-fareast-font-family: "Times New Roman"; mso-fareast-language: EN-US;"> </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เปลือกตาค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับบอกตัวเองว่าช่างโชคดีที่มีบ้านให้กลับ</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"><br />
</span></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-79628040562949976502011-05-27T12:10:00.000+07:002011-05-27T12:10:14.138+07:00ตายจากกันทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ <span style="font-size: large;">เมื่อเดือนก่อนแมวที่ฉันรักที่สุดได้หายตัวออกจากบ้านไป จนถึงวันนี้ไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาแต่อย่างใด ยุทธการพลิกแผ่นดินตามหาแมวนั้นฉันไม่เคยน้อยหน้าใคร <strong>การจากพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข็ใจแสนสาหัส แม้ทุกคนจะจำประโยคนี้ขึ้นใจ แต่จะมีใครสักกี่คนที่ห้ามใจไม่ให้รักสิ่งใดได้...</strong></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เพื่อนพ้องชาวโซเชียล เน็ตเวิร์คที่คบหากันทางอากาศ ส่งคำปลอบประโลมมาถึงฉันกันมากมาย เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าในโลกไซเบอร์ที่คนชอบพูดว่าเป็นความสัมพันธ์อันว่างเปล่านั้น แท้จริงแล้วเราจับต้องได้จริงเช่นกัน คนที่เราไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และอยู่แห่งหนไหนบนโลกใบนี้ แต่ตัวหนังสือที่พิมพ์ถึงกัน สามารถสื่อสาร ปลอบใจ และให้กำลังใจกันได้เช่นเดียวกับเพื่อนที่เราคบหาบนโลกแห่งความจริง</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> ถึงวันนี้แมวฉันยังไม่กลับมา บางคนบอกว่า ให้คิดว่าแมวอาจไปเที่ยวเล่น สักวันจะกลับมาแน่นอน บางคนก็บอกว่าแมวอาจไปอยู่บ้านใหม่ หรือเจอคนใจดีอุปการะไว้ บางคนบอกว่าแมวกลับบ้านถูกแน่นอน วันไหนเขาอยากกลับมาเขาจะกลับมาเอง เราหาใช่เจ้าของชีวิตแมว ที่จะกำหนดให้แมวอยู่กับเราหรือไม่อยู่กับเรา</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-ClFDf3d1dBA/Td8wpSAoVwI/AAAAAAAAANo/o04f5g3cV5Y/s1600/iphone+002.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://4.bp.blogspot.com/-ClFDf3d1dBA/Td8wpSAoVwI/AAAAAAAAANo/o04f5g3cV5Y/s320/iphone+002.jpg" t8="true" width="240" /></a></div><br />
<span style="font-size: large;"> ฉันอ่อนล้าต่อการรอคอยการกลับมาของแมว..อยากคิดว่าแมวตายไปแล้ว จะได้ไม่ต้องรออย่างมีความหวังอีกต่อไป เมื่อพยายามคิดเช่นนั้น ฉันกลับระทมทุกข์หนัก คิดไปต่างๆนานาว่าใครทำให้แมวต้องตาย ฉันจึงเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าวันหนึ่งแมวจะต้องกลับมา ทำให้ฉันคึกคักขึ้นอีกครั้ง แต่แล้วฉันก็ทุกข็ไม่แพ้กัน เพราะฉันเฝ้ามองไปที่ประตูและหน้าต่างที่แมวเคยมาเรียกทุกคืน ยังความร้าวรานใจไม่จบสิ้น เป็นการรอคอยอย่างมีความหวังที่ไร้หวัง...</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> <strong>ระหว่างความทุกข์ที่ว่า แมวตายไปแล้ว กลับการรอคอยอย่างมีหวังและผิดหวังทุกวันที่แมวไม่กลับมา อย่างไหนจะดีกว่ากัน</strong></span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> เพื่อนฉันคนหนึ่งโทรมาหาเพื่อบอกว่า เธอกำลังจะหย่า ฉันฟังทุกเรื่องอย่างสงบแล้วถามเธอว่า</span><br />
<span style="font-size: large;"> "เธอยังรักเขาอยู่ไหม" เธอเงียบไป แล้วตอบว่า </span><br />
<span style="font-size: large;"> " ก็ยังรัก แต่ถ้าหย่าแล้ว ฉันกับเขาจะตัดขาดกันให้เด็ดขาด ชั่วชีวิตนี้ฉันกับเขาจะไม่มีวันมาเจอหน้ากันอีกต่อไป คิดเสียว่าเราตายจากกันไปแล้ว" เธอสรุปได้อย่างเหงาใจเป็นที่สุด</span><br />
<span style="font-size: large;"> <strong>"เป็นการตายจากกันทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ เธอรู้ไหมการตายจากแบบนี้ทรมานที่สุดในชีวิต"</strong> ฉันหวนคิดถึงแมวตัวเอง</span><br />
<span style="font-size: large;"> "ขณะใจหนึ่งคิดว่าตายจาก แต่ใจหนึ่งจะกระซิบบอกว่าเขายังอยู่เสมอ แล้วเธอจะทุกข์ใจไม่สิ้นสุด จนกว่าเธอจะหยุดรักเขาได้" ฉันให้คำปรึกษา</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> หลายคนมักคิดว่า "ความตาย" จะช่วยหยุดทุกสิ่ง ซึ่งไม่ใช่ความจริงทั้งหมด </span><span style="font-size: large;"> ฉันเชื่อว่า <strong>ความตายไม่สามารถหยุดความรักได้ ความตายแข็งแรงกว่าชีวิตก็จริงอยู่ แต่ความรักนั้นแข็งแกร่งกว่าความตาย</strong> </span><br />
<span style="font-size: large;"> ความรักจะอยู่เช่นนั้นเป็นนิรันดร์ และความตายก็ไม่อาจหยุดความรักได้เลย</span><br />
<span style="font-size: large;"> </span><br />
<span style="font-size: large;"> เพื่อนฉันยังไม่ได้หย่า.และหวังอย่างเลือนลางว่าเขาจะกลับมารักเธอเหมือนเดิม </span><span style="font-size: large;">และฉันก็ยังตื่นขึ้นมาทุกเช้าอย่างมีความหวังทุกวันเพื่อรอการกลับมาของแมว..และผิดหวังทุกคืนเมื่อแมวไม่กลับมา..</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;"> <strong>เราต่างหาความรักที่หายไปของเราไม่เจอ..เป็นการตายจากกันทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ </strong></span><br />
<span style="font-size: large;"> </span><br />
<span style="font-size: large;">Paokuntima</span><br />
<span style="font-size: large;">27/ 05/2011</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-86303495958772618962011-05-26T12:28:00.003+07:002011-05-27T20:52:22.312+07:00สายฝนและแสงไฟ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-Tltrf1cIP-Q/Td3jq6hqhdI/AAAAAAAAANc/hoERsO90i6o/s1600/photo+%25283%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://4.bp.blogspot.com/-Tltrf1cIP-Q/Td3jq6hqhdI/AAAAAAAAANc/hoERsO90i6o/s320/photo+%25283%2529.jpg" width="240" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">สองวันก่อนที่กรุงเทพฯ ฝนตกกระหน่ำยามใกล้ค่ำ พาให้ไฟฟ้าดับไปโดยไม่มีสาเหตุ และยังดับเป็นเวลานานนับชั่วโมงอย่างไม่รู้ว่าเมื่อไรไฟจะมา</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อแสงสว่างจากไฟฟ้าหายไป ความมืดความเงียบก็เข้ามาแทนที่ ยังโชคดีว่าอากาศตอนฝนตกกระหน่ำนั้นไม่ร้อนอบอ้าวสักเท่าไร เพราะเราหมดหนทางที่จะใช้ไฟฟ้าเปิดพัดลมให้ใบพัดหมุนได้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อไม่มีไฟฟ้ามาเอื้อความสะดวกให้เหมือนในยามปกติที่เราสามารถเปิดปุ้บติดปั้บ ซ้ำยังดับไปเป็นชั่วโมง ความมืดก็ย่างกรายเข้ามาแทนแสงตะวันอันริบหรี่ที่ค่อยๆ จากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้องนึกหาว่าวางเทียนไข ไม้ขีดไฟและพัดใบลานที่ซื้อมาจากคนชราที่มานั่งขายตามตลาดเอาไว้ตรงไหน จะได้หยิบเอามาใช้ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">กรุงเทพฯ เมืองใหญ่ที่แสงไฟเคยครอบคลุม</span><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ทุกพื้นที่ตารางนิ้ว</span><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">และสร้างความสะดวกสบายให้ทุกชีวิต จนเราแทบจะนึกไม่ถึงว่าจะมียามเช่นนี้ที่ฟ้าฝนกระหน่ำ สิ่งต่างๆ เช่น ไฟฟ้าดับก็อาจเกิดขึ้นได้ และเมื่อถึงเวลาเช่นนี้ หลายๆ สิ่งที่เราเคยคิดว่าหมดประโยชน์ พ้นจากยุคสมัยแห่งความสะดวกสบายจากไฟฟ้า เช่น เทียนไข ไม้ขีดไฟและพัด ก็กลายเป็นสิ่งของที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">เมื่อไฟฟ้าไม่ยอมมาสักทีก็เลยจะต้องตัดสินใจคลำทาง</span><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ด้วยแสงเทียน</span><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ลงไปเพื่อหุงหาอาหารกินในครัว ยังโชคดีว่าความสะดวกสบายอย่างหนึ่งคือเตาแก๊สยังคงใช้การได้อยู่ หลังจากต้มน้ำทำน้ำแกง อุ่นและปรุงอาหารด้วยเตาแก๊ส เราเลยนึกขึ้นมาได้ว่าบรรดาชาวคอนโดระฟ้าจะใช้ชีวิตกันอย่างไร เมื่อไฟฟ้าดับ เพราะไม่มีลิฟต์และยังใช้เตาแก๊สไม่ได้เหมือนครัวเรือนปกติอีก</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ความสว่างไสวที่จรจากไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและทิ้งเราไปโดยไม่มีวี่แววว่าเมื่อไรจะกลับมา ทำให้เรื่องราวหนหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ที่ไฟฟ้ามักจะดับและดับไปนานๆ เช่นนี้ทุกทีเมื่อฝนตกหนัก ได้หวนกลับมาสู่บทสนทนาอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าแค่ไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟและไฟฟ้า ความมืดที่รายล้อมเราไว้นอกรัศมีของแสงเทียนจะกลายเป็นเหมือนผืนผ้าและกระดานสำหรับความทรงจำและความหลังได้กระโดดออกมาโลดแล่นจากส่วนลึกของความทรงจำที่เก็บเอาไว้</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-0CTR7phglVE/Td3j4k1-ecI/AAAAAAAAANk/ez3Xjx3y5J0/s1600/photo+%25284%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://4.bp.blogspot.com/-0CTR7phglVE/Td3j4k1-ecI/AAAAAAAAANk/ez3Xjx3y5J0/s320/photo+%25284%2529.jpg" width="240" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">แม้ข้างนอกฝนจะตกหนักและปราศจากแสงสว่างอันรุ่งโรจน์ไปทุกตารางนิ้วจากไฟฟ้าเช่นเคย ชีวิตกลับเรียบง่ายขึ้น มีความสุขตามอัตภาพและไม่ต้องการอะไรมากมาย แค่เพียงเตาแก๊สทำความร้อน แสงเทียนให้ความสว่างไม่กี่จุด ความเย็นที่โบกพัดจากแรงกระพือของมือเราเองก็เย็นใจและอบอุ่นใจได้...ก่อนที่ไฟฟ้าจะหวนกลับมาจุดความสว่างและขับไล่ความทรงจำเก่าๆ ให้กลับเข้าไปสู่ที่ทางเดิมของมัน</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-82342700967359416752011-05-23T12:06:00.001+07:002011-05-23T15:01:30.847+07:00เก่งไม่กลัว<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-nNVIL7i3kS0/TdnlRmTJN1I/AAAAAAAAANQ/FGwT6zb0FjE/s1600/talent.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="260" j8="true" src="http://1.bp.blogspot.com/-nNVIL7i3kS0/TdnlRmTJN1I/AAAAAAAAANQ/FGwT6zb0FjE/s320/talent.jpg" width="320" /></a></div><span style="font-size: large;">คุณกระโดดได้สูงหรือเปล่า มีเสียงร้องที่ไพเราะ ตัวอ่อนตัวงอได้มากเป็นพิเศษ หรือว่าพอได้ยินเสียงดนตรีที่มีจังหวะก็สามารถขยับแข้งขยับขาได้สวยงามเข้าจังหวะอย่างน่าดูชม...</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">เมื่อวานเย็น ผมนั่งดูรายการ Thailand's Got Talent รอบสุดท้ายของผู้เข้าแข่งขัน 12 คนโดยที่ไม่ได้เชียร์ใครเป็นพิเศษ เรียกว่าดูเอาสนุกเอามันล้วนๆ แต่ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำว่า "ความสามารถพิเศษ" หรือ "พรสวรรค์" หรือ Talent ที่รายการนี้นำมาตั้งชื่อด้วยว่า จริงหรือไม่ที่คนเราทุกๆ คนมีความสามารถพิเศษ มีพรสวรรค์ที่ไม่ต้องเสาะแสวง หรือว่าจำเป็นเพียงใดที่เราจะต้องค้นหา ค้นพบ ฝึกลับพรสวรรค์ในตัวตนเราให้คมขึ้นเก่งขึ้น เพื่อที่วันหนึ่งจะได้นำสิ่งนั้นมาแสดงออกให้ผู้คนประจักษ์บนเวที</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">อย่างที่ผมว่าน่ะแหละครับว่า พรสวรรค์อาจเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ติดตัวเรามาแต่เกิด ทุกๆ คนมีอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ตัวเองว่ามี หรือว่าพรสวรรค์เป็นเพียงคำเรียกขานแทนสิ่งที่คนเราจะเก่งกล้าสามารถขึ้นมาได้ เพราะ "รู้จัก" และ "ค้นพบ" ไม่ปฏิเสธในตัวตนที่มีอยู่ แล้วกล้าที่จะหยิบยกสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ลึกๆ ในตัวเราขึ้นมาขัดเกลาทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งสิ่งธรรมดาในสายตาคนอื่นนั้น สามารถฉายแสงออกมาโดดเด่น</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">เวทีประกวดความสามารถหรือ Talent จากรายการนี้ ไม่ได้จำกัดจำเพาะว่าคุณจะต้องเป็นนักจำอวด เล่นมายากลเก่ง แต่งเพลงเป็นหรือร้องเพลงได้ กล้าบุกน้ำลุยไฟ เต้นระบำในจังหวะและลีลาต่างๆ นานา หรือร้องเพลงประกอบท่าโยคะ เป็นคนปกติธรรมดาหรือร่างกายพิกลพิการ แต่อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็น "การเข้าถึง" และ "ตีความ" ความหมายของคำว่าพรสวรรค์จากผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสนทั่วเมืองไทยที่ให้ความสนใจเข้าร่วมแข่งขันกันอย่างคึกคัก จนกระทั่งผ่านการคัดเลือกของผู้ชมจากการลงคะแนนโหวตทางโทรศัพท์เหลือเพียง 12 ผู้เข้าแข่งขันแค่นั้น</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">เราอาจจะดูรายการนี้ด้วยความสนุกจากความบันเทิงในจังหวะลีลาของการแสดงก็จริง แต่ผมเชื่อว่าแม้ทุกๆ คนบนเวทีแห่งนี้จะเก่งหรือมีความสามารถติดตัวมาซึ่งทำให้โดดเด่นหรือทำสิ่งนั้นได้ดีกว่าคนอื่นๆ ที่มีความสามารถอย่างเดียวกัน แต่ทุกๆ คนกว่าจะก้าวขึ้นมาเป็น "ที่หนึ่ง" ในจุดที่ตัวเองแสดงออกได้นั้น คงต้องผ่านการซ้อมอย่างหนัก จะต้องมีการฝึกฝนเพื่อทำให้ดี สวยงาม สนุกและลงตัวมากที่สุด ใช่เพียงเกิดมามีความสามารถแล้วไม่ทำอะไรเพื่อต่อเติมหรือฝึกฝนเพื่อไปสู่จุดที่ดีที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดที่พรสวรรค์ในตัวเองจะก้าวไปได้</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">นานมาแล้วผมเคยอ่านบทความในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐโดยผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า "แรม" (ซึ่งผมอาจจะจำผิด) เขา (หรือเธอ) ตั้งชื่อบทความไว้ว่า "อย่าเอาแสงสว่างไปซ่อนไว้ใต้หิน" ซึ่งบอกเล่าทำนองว่า คนเราทุกคนมีแสงสว่างหรือความสามารถในตัวเองทุกคน เปรียบเสมือนแสงจันทร์ที่สุกสว่าง หรือมีข้อดีในตัวด้วยกันทุกคน ขอเพียงเรามีความเชื่อมั่น ยอมรับในตัวเอง และไม่ลังเลที่จะหาหนทางที่จะปล่อยแสงออกมาก็จะประสบความสำเร็จ แต่หากเราขลาดกลัวแล้วเก็บความสามารถหรือแสงในตัวเองไปซุกไว้ใต้ก้อนหินเสียแล้ว ก็คงไม่มีใครมองเห็น</span><br />
<br />
<span style="font-size: large;">การเกิดมาเก่งหรือเกิดมาพร้อมพรสวรรค์น่ะไม่น่ากลัว แต่ที่น่ากลัวคือคนเก่งแต่ไม่ฝึกฝน ทะนงตนเพราะคิดเอาเองว่าตัวเองดีแล้ว เก่งแล้ว เหนือกว่าคนอื่นแล้ว</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-23069180354756349782011-05-22T16:48:00.005+07:002011-05-23T12:03:07.845+07:00อย่าสิ้นศรัทธา<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-ixbsVUrrU6Y/TdjXeZdr4wI/AAAAAAAAANM/POHuXLej4tw/s1600/keep-the-faith.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><img border="0" src="http://3.bp.blogspot.com/-ixbsVUrrU6Y/TdjXeZdr4wI/AAAAAAAAANM/POHuXLej4tw/s1600/keep-the-faith.jpg" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">การเมืองบ้านเรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง จากการเลือกตั้งทั่วไปปี 2554 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ตอนนี้ตามท้องถนนหนทางเมืองไทยเต็มไปด้วยป้ายโฆษณาหาเสียงของพรรคและนักการเมืองต่างๆ พร้อมกับคำสัญญิงสัญญาตามนโยบายหาเสียง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">สภาพและบรรยากาศเช่นนี้ไม่ได้ช่วยให้หัวใจของคนไทยหลายๆ คนกระตือรือร้นหรือให้ความสนใจต่อความเป็นไปของการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นมากไปกว่าความรู้สึกชินชา ว่าการเลือกตั้งก็เกิดขึ้นหนแล้วหนเล่าเหมือนที่ดำเนินมาและดำเนินไปในนครสารขัณฑ์แห่งนี้ ด้วยว่าเราต่างเกือบสูญสิ้น "ศรัทธา" ไปกับระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ และพฤติกรรมของนักการเมืองที่บิดพลิ้ว เล่นพรรคเลือกพ้องของตัวเองมากกว่าประเทศชาติหนแล้วหนเล่า</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">คำว่า "ศรัทธา" แม้ว่าจะเป็นคำนามธรรมที่ยากจะหยิบยกขึ้นมาให้ได้เห็นเด่นชัด แต่ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อระบบความเชื่อ ต่อการใช้ชีวิต ให้ดำเนินไปอย่างมีแก่นสารในทุกๆ ด้าน เรียกว่าขอเพียงชีวิตเรายังมีศรัทธา ถ้าชีวิตประกอบด้วยศรัทธา ก็ย่อมไม่ยากเย็นที่ทำให้คนเราใช้ชีวิตในทุกๆ ด้านได้อย่างมีพลังและงดงาม</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ศรัทธาในที่นี้ไม่ได้หมายถึงศรัทธาต่อระบบความเชื่อ การเมือง ลัทธิศาสนา หรืออื่นใด ไม่ได้หมายถึงศรัทธาในตัวบุคคลอื่นที่เราอยากจะยึดเหนี่ยว ไม่ได้หมายถึงศรัทธาต่อสิ่งต่างๆ ภายนอก เพื่อเราจะได้เลิกสนใจสิ่งที่อยู่ภายในความรู้สึกและจิตใจของตัวเอง แต่เป็น "ศรัทธา" ในการกระทำของเราเอง ศรัทธาในการมีชีวิตอยู่และเชื่อว่า ชีวิตของเราเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างมีเหตุผล เพื่อก่อให้เกิดความดีงามและงดงาม ทั้งต่อตนเองและสรรพสิ่งที่อยู่ร่วมในสังคม</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ศรัทธาในภาษาอังกฤษเรียกว่า Faith ดังมีคำที่ชอบพูดกันยามที่มีใครสิ้นหวังว่า "Keep The Faith" ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่าทอดทิ้งศรัทธา...</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ขอจงมีศรัทธาไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวของจิตใจ ไม่ว่าจะผ่านฤดูกาลแบบไหน จะเป็นฤดูที่พายุฝนแห่งอุปสรรคซัดกระหน่ำจิตใจจนซวนเซ หรือฤดูเลือกตั้งที่เกิดขึ้น ผ่านไป และทำให้เราเห็นธาตุแท้ของนักการเมือง ก็ขอให้ดำเนินชีวิตต่อไปโดยไม่ลืมประดับหัวใจของเราเอาไว้ด้วย "ศรัทธา"</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-49771646104582141842011-05-21T12:10:00.002+07:002011-05-23T12:03:49.196+07:00ณ ที่ซึ่งความรักพำนักอยู่<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"></div><table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="http://3.bp.blogspot.com/-GMLxG686Il8/TddH1dZVwDI/AAAAAAAAANI/YiM2rmeyAo4/s1600/shot.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="240" src="http://3.bp.blogspot.com/-GMLxG686Il8/TddH1dZVwDI/AAAAAAAAANI/YiM2rmeyAo4/s320/shot.jpg" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">เบื้องหลังช็อตที่ทีม my home ถ่ายหน้าปก</td></tr>
</tbody></table><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">วันนี้บ้านเหลือง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">little sunshine <span lang="TH">ได้ขึ้นปกนิตยสาร </span>my home <span lang="TH">ค่ะ อันที่จริงทางทีมงาน </span>my home <span lang="TH">มาถ่ายรูปและพูดคุยกับพวกเราตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมโน่นแล้ว ฮ่องเต้ (นักเขียน) บอกว่าจะวางแผงฉบับเดือนมิถุนายน เป็นวาระครบรอบ </span>1 <span lang="TH">ปีของนิตยสารพอดี </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เคหาสน์ลาดพร้าวของเราเป็นตึกแถว </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">5 <span lang="TH">ชั้นครึ่ง อยู่มา </span>28 <span lang="TH">ปีแล้ว แต่ก่อนอยู่กันอุ่นหนาฝาคั่งแทบทุกชั้น เพราะพ่อ แม่ และพี่ชายสองคนยังพักอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ชั้นล่างสุดเคยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นและข้าวหน้าไก่ ขายได้ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">10 <span lang="TH">กว่าปีก็เลิกกิจการ ไม่ใช่รวยแล้วเลิก แต่มีเหตุให้ต้องเลิก เพราะลูกมือจากแดนอีสานฮิตไปทำงานในโรงงาน (เมื่อราวสิบปีก่อน) พอหยุดตรุษจีนแล้ว ไม่มีใครยอมกลับมาทำงานอีก บวกกับลูกๆ โต มีงานทำกันหมด ร้านหมงโภชนาจึงต้องปิดตัวไปโดยปริยาย</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ตึกแถวริมถนนตึกนี้ พ่อและแม่ของฉันซื้อหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ทำงานหนักช่วยกันเก็บหอมรอมริบ ค่อยๆ ผ่อน ถ้ามีเงินก้อนใหญ่ก็โปะแบงค์ไป นานหลายปีกว่าจะหมด ถ้าเทียบราคาปัจจุบันกับเกือบ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">30 <span lang="TH">ปีที่แล้ว เงินล้านกว่าที่พ่อแม่เคยซื้อตึก </span>5 <span lang="TH">ชั้นครึ่งนี้ ปัจจุบันสามารถซื้อห้องในคอนโดฯ ได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ค่าของเงินอาจน้อยลง </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">แต่ค่าของคำว่า "บ้าน" มีแต่เพิ่มขึ้น </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><br />
</div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://4.bp.blogspot.com/-FUBHKF56L_c/TddHkgCNrII/AAAAAAAAANE/btAW6Lwvq-Q/s1600/home.jpg" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://4.bp.blogspot.com/-FUBHKF56L_c/TddHkgCNrII/AAAAAAAAANE/btAW6Lwvq-Q/s320/home.jpg" width="240" /></a></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 9.0pt; text-indent: 27.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ออกไปทำงาน แม้จะเหนื่อยเครียดราวกับอยู่ในสมรภูมิรบแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดเรายังมีบ้านให้กลับไปพัก </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> </span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 9pt; text-indent: 27pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">มีฝักบัวให้เราเปิดรดหัวแรงๆ ชำระความสาหัสของชีวิตวันนี้ออกไป</span></div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 9pt; text-indent: 27pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">มีเตียงที่รอเราทิ้งตัวลงนอน เพื่อจะตื่นพร้อมออกรบใหม่ในวันพรุ่ง</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span> </div><div class="MsoNormal" style="margin-left: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> </span></div><div class="MsoNormal"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> คำฝรั่งบอกว่า </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">home is where the heart is </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">บ้านอาจประกอบด้วยข้าวของเครื่องใช้และของแต่งบ้านสวยเก๋มากมาย แต่บ้านก็คือบ้าน ไม่ใช่โชว์รูม บ้านจึงสกปรกได้ เลอะเทอะได้ อยู่ได้ จับต้องได้ </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ฝาผนังอาจเลอะด้วยลายเส้นยุ่งๆ ของลูกสาว เมื่อแม่หนูน้อยอยากได้กระดาษแผ่นที่ใหญ่กว่าสมุดวาดเขียน</span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ขาเก้าอี้ไม้ตัวโปรดยับเยินแหว่งวิ่นจากรอยแทะของลูกหมาลาบราดอร์วัย </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">5 <span lang="TH">เดือน</span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ห้องครัวกับกลิ่นอบอวลมากมาย ทั้งกะปิ ปลาเค็ม และรอยน้ำมันกระเด็นที่เช็ดไม่ออก</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ตู้โชว์ที่มีตุ๊กตาตัวแรกที่พ่อซื้อให้ ปะปนกับตุ๊กตาตัวแรกที่แฟนซื้อให้ มันอัดๆ กันอยู่กับข้าวของอื่นไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก ฝุ่นจับบ้าง แต่เราไม่เคยคิดโยนทิ้ง</span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ในวันที่โลกไม่เป็นของเรา พื้นห้องน้ำที่เย็นสบายก็กลายเป็นมุมให้เราทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ </span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"> <span lang="TH"></span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">ว่ากันว่าบ้านที่ไม่มีคนอยู่จะโทรมเร็วจนน่าแปลกใจ ฉันว่าน่าจะเป็นเพราะนอกจากจะไม่มีการปัดกวาดเช็ดถูแล้ว บ้านที่ไร้ผู้อยู่อาศัย แน่นอนว่ามันย่อมขาด </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">“<span lang="TH">ชีวิต</span>”<span lang="TH"> อันประกอบไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงทุ่มเถียง เสียงตะโกน เสียงทอดถอนหายใจ เสียงร้องไห้ และเสียงปลอบโยน </span></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">เหล่านี้ล้วนคือสำนียงของความรัก </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div><div class="MsoNormal" style="text-indent: 36.0pt;"><span lang="TH" style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;">และความรักเท่านั้นคือสถานที่ที่หัวใจเราพำนักอยู่ </span><span style="font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt;"></span></div>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com3tag:blogger.com,1999:blog-4715880008669083146.post-67223368838598309532011-05-20T15:10:00.002+07:002011-05-22T16:53:14.074+07:00ศุกร์สำราญ<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="http://1.bp.blogspot.com/-Psf4zVErzEQ/TdYebHVMrCI/AAAAAAAAANA/hdlGhi5WLZc/s1600/photo.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="320" src="http://1.bp.blogspot.com/-Psf4zVErzEQ/TdYebHVMrCI/AAAAAAAAANA/hdlGhi5WLZc/s320/photo.jpg" width="320" /></a></div><span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ไม่น่าจะมีวันใดที่ชีวีของคนเราจะเริงรื่นได้เทียมเท่าวันศุกร์ วันศุกร์ซึ่งการทำงาน การใช้ชีวิต การรบรากับปัญหาและภารกิจทั้งหลายทั้งปวงเดินทางมาถึงวันสุดท้ายของวันธรรมดา และจะได้หยุดพักลงแม้สักชั่วระยะเวลาไม่กี่วันของวันหยุดที่กำลังมาถึง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">ทั่วไปแล้วคนทำงานมักจะเป็นฝ่ายที่จดจ่อรอคอย และผูกพันกับวันศุกร์โดยปริยาย การมีวันศุกร์หมายถึงยามค่ำคืนที่สามารถนอนพักยาวๆ ได้โดยไม่ต้องรีบสะดุ้งตื่น พาชีวิตออกไปโลดแล่นสู้รบกับโลกภายนอกเหมือนวันธรรมดาวันอื่นๆ อาจจะหมายถึงวันแห่งการเฉลิมฉลองเล็กๆ กับการกินดื่มพูดคุยและใช้เวลากับเพื่อนสนิทมิตรสหายได้โดยไม่ต้องพะวงกับวันพรุ่งนี้ที่จะมาถึง อาจหมายถึงวันแห่งการผ่อนคลายด้วยกิจกรรมและงานอดิเรกมากมายที่วางลงไว้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์เมื่อคืนวันอาทิตย์จรจากไป</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">วันศุกร์จึงเหมือนมีมนต์มายาพิเศษแตกต่างและมีเสน่ห์ไม่เหมือนวันธรรมดาอื่นๆ ทำให้เรายิ้มหัวได้แม้จะรู้ดีว่าการงานหรือภาระทุกอย่างยังไม่หมดไป หรือรอคอยเพื่อจะหวนกลับมาให้รบรากันใหม่อีกรอบ แต่ขอแค่สักวันที่เราจะเอนหลังหลับตาหรือเดินเล่นสบายๆ ในยามบ่ายหลังเลิกงานโดยบอกตัวเองว่า การมีวันศุกร์ช่างดีจริง และขอใช้ช่วงเวลาอันสำราญสักเล็กน้อยนี้บ้างจะได้ไหม</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">คงเป็นการยากที่เราจะปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากพันธนาการมากมายที่ร้อยรัดในชีวิตที่ดึงเราเอาไว้กับความเจ็บปวด ความเมื่อยล้า ความเบื่อหน่าย ความคาดหวัง ไม่ได้ดังใจต่างๆ นานา ชีวิตตลอดวันธรรมดา 5 วันเหมือนเชื้อเพลิงอันร้อนระอุปะทุขึ้นในเช้าวันจันทร์ เพื่อดั้นด้นและพาตัวเองไต่เพดานสูงขึ้นไปบนฟากฟ้าจนทะลุองศา ด้วยการใช้พละกำลังไปราวกับจะมอดไหม้ไปถึงความรู้สึกภายใน</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">การมีวันศุกร์จึงอาจจะหมายถึงสัญลักษณ์ของการใช้ชีวิตที่บอกว่าชีวิตมีหนักมีเบา มีหย่อนมีผ่อนคลาย ในขณะที่ต้องหอบตัวเองให้เหินลอยไปด้วยแรงปะทุของชีวิต ก็ขอให้เราได้รู้จักเหลียวแลปุยเมฆ ให้ได้เห็นขอบฟ้าและฟากฟ้ากว้าง ได้หายใจหายคอกับความปลอดโปร่งโล่งใจบนจุดที่พาตัวเองขึ้นไปสูงที่สุดสักช่วงเวลาหนึ่ง</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;"><br />
</span><br />
<span class="Apple-style-span" style="font-size: large;">บนการเดินทางอันแสนไกลและน่าเบื่อหน่ายของวงรอบการใช้ชีวิต ขอสักหนึ่งวันที่จะเป็นเหมือนป้ายหยุดพัก เติมน้ำมัน หย่อนนั่ง ปล่อยวาง เป็นช่วงเวลาแห่งความสำราญอันเรียบง่ายที่ไม่ต้องการอะไร เพียงแค่รอคอยการเดินทางรอบหนึ่งของสัปดาห์มาบรรจบก็แค่นั้น</span>talumbonhttp://www.blogger.com/profile/03751952292061013240noreply@blogger.com0