เมฆยามเย็นเหนือท้องฟ้านอกหน้าต่างแถวบ้าน |
เมื่อครู่นี้ฝนก็หว่านสายลงมา แค่เพียงเหลือบแลออกไปมองเม็ดฝนหล่นร่วงพรมลงบนต้นไม้ อากาศมืดมัวพาความหดหู่จู่โจมเข้าสู่หัวใจของใครต่อใคร
ณ วินาทีนี้ชีวิตยังคงพานพบกับความยุ่งยากมากมายนัก...
แม้ไม่ต้องต่อสู้ต่อกรกับปัญหาหนักอกหนักใจด้วยเรื่องราวปากท้อง ปัญหาความมั่นคงต่างๆ เฉกเช่นหลายๆ ชีวิตที่จะต้องคำนึง ครุ่นคิด ประสบและแบกรับก็จริง แต่ก็รู้สึกถึงความไม่สงบสุขภายใจจิตใจ ความว้าวุ่นและความคิดที่พากันวิ่งวนอยู่อย่างวุ่นวาย จนคล้ายกับว่าชีวิตทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน
ชีวิตแม้ไม่ต้องประสบกับภาวะที่ทุกข์ยากท้าทาย แต่ในบางทีบางครั้งก็ใช่ว่าจะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ง่ายดาย และบ่ายหน้าไปหาความสุขสงบ
การมีชีวิต แม้ไม่มีความทุกข์ แต่ก็ใช่ว่าจะสุขได้ง่ายดาย...
อาจเป็นเพราะภาระการงานที่บีบบังคับให้ต้องนั่งจ้องอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นนานสองนาน แต่ก็คล้ายไม่มีความคืบหน้า การงานยังคงย่ำอยู่กับที่ ยังคงไม่มีอะไรใหม่ๆ ฉับพลันความเบื่อหน่ายหดหู่ก็ได้ที กระโจนเข้าเกาะกุมภายในที่ว้าวุ่นแม้มองไม่เห็น เหมือนเส้นด้ายกระจุกใหญ่ที่ยุ่งพันกันจนไม่อยากจะเป็นธุระคลี่คลาย
การงาน ความรับผิดชอบที่หมุนวน หลายๆ สิ่งที่หวนเข้ามาสู่ความคิดในคราวเดียวกัน ดุจเมฆฝนห่าใหญ่ที่ซัดสายลงบนผืนทุ่งโล่งกว้างๆ ในคราวเดียวกันอย่างรวดเร็ว จนสรรพสิ่งพลันมืดมิดมองอะไรไม่เห็น...มีแต่ความมืดมัว สลัวลางและหดหู่
เย็นวันนี้ ทุกสิ่งอาจจะไม่คลี่คลาย...นอกจากจะปล่อยวางและละวาง หยุดสายตาเพื่อมองออกไปหาสิ่งใหม่ๆ นอกบ้าน นอกห้องและนอกหน้าต่าง
ผมเตือนตัวเองให้คาดหวังน้อยลง ปล่อยวางกับภาวะที่ว้าวุ่น
เรียนรู้ที่จะทำทีละอย่าง...สู่ความสุขทุกสิ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น