วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ดอกไม้..บ้าน..และความรัก

    "วันนี้จะไปโอนบ้านแล้วนะพี่"
       เพื่อนรุ่นน้องของฉันคนหนึ่งโทรมาแจ้งข่าวยามสาย ฉันรู้สึกยินดีปรีดาอย่างยิ่งที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ สามารถซื้อบ้านเดี่ยวราคากว่า 5 ล้านบาทด้วยน้ำพักน้ำแรงและเงินทุกบาททุกสตางค์ด้วยตัวเองโดยแท้ และที่สำคัญการที่เพื่อนซื้อบ้าน ก็เท่ากับฉันมีที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มขึ้นอีกที่หนึ่ง

     เธอบอกฉันว่า ที่บ้านเธอมีต้นปีบขนาดใหญ่หลายต้น เจ้าของเดิมปลูกไว้แล้ว กลิ่นกำลังหอมยวนใจ และเธอกำลังรื้อทำครัวใหม่เพื่อให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม พวกเราจะได้เอาตัวเข้าไปสุมในครัวเพื่อทำอาหารสำหรับเพื่อนๆ เธอยังเล่าต่อไปว่าจะลงไม้ดอกอีกหลายชนิด โดยเฉพาะไม้ดอกไทยๆ สำหรับเรา..บ้านที่เป็นบ้านจะต้องมีดอกไม้

   พวกเราชอบดอกไม้โบราณ เราเคยใฝ่ฝันจะปลูกจันทร์กระพ้อ เพราะหลงใหลได้ปลื้มกับเพลงดอกจันทร์กระพ้อร่วงพรู ใจไม่เคยร่วงสู่ แผ่นดินถิ่นไหน..โดยง่าย..แต่พอไปสอบถามราคาจันทร์กระพ้อแล้วต้องทำหน้าท้อกลับมา เพราะราคาแพงระดับหลักหมื่น แถมออกดอกยากเย็นเข็ญใจ กว่าจะได้เห็นดอก บางทีเราก็อาจแก่เฒ่าไปเสียก่อนก็ได้ ดังนั้นแค่ดอกปีบ นางแย้ม  สายหยุด  ราคาหลักร้อยก็น่าจะทำให้เรามีความสุขได้เช่นกัน

  การจะมีบ้านสักหลังในยุคนี้ยังคงเป็นเรื่องสุดเอื้อม ด้วยสนนราคาหลักล้านซึ่งไมได้หากันง่ายๆ เลยสำหรับคนทำงานประจำ  แต่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะไม่ยอมลงแรงเพื่อซื้อบ้านของตัวเอง ฉันมีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่น่าจะเป็นแรงบันดาลใจดีที่สุดสำหรับคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง

   เพื่อนฉันคนนี้เธอใฝ่ฝันอยากมีบ้านเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก และตั้งใจเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านมาตลอดชีวิต แรงบันดาลใจของเธอนั้นแสนเศร้า..เธอเล่าว่าตอนเด็กๆ เธอไม่มีบ้าน..ความทรงจำอันแสนขมขื่นก็คือ เมื่อไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้าน พ่อแม่และพี่ๆน้องๆของเธอจะต้องย้ายบ้าน เธอย้ายบ้านนับครั้งไม่ถ้วน..ภาพความเจ็บปวดฝังลึกในใจเด็กหญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ ที่รู้สึกว้าเหว่และขาดที่พักพิงอันมั่งคง..ยามฝนตกฟ้าร้อง..บ้านเช่าหลังไหนก็ไม่เคยอบอุ่นและปลอดภัยเท่ากับบ้านของเราเอง...

  นอกจากไม่มีบ้านแล้ว เงินค่าอาหารกลางวันก็ยังมีไม่พอ..เธอต้องไปช่วยร้านก๋วยเตี๋ยวในโรงเรียนล้างจานเพื่อแลกกับอาหารกลางวัน..ชีวิตขาดแคลนไปหมดเสียทุกอย่าง..ยกเว้นความฝันเดียวที่ยังคงเต็มเปี่ยมเสมอนั่นก็คือ ความฝันที่จะมีบ้าน

  ฉันฟังเรื่องนี้ทีไร น้ำตาก็พลันจะร่วงรินเสียทุกครั้ง แต่ก็ยังชอบให้เธอเล่าให้ฟังซ้ำๆ ทุกครั้งที่ไปนั่งอยู่บ้านของเธอ พร้อมจิบกาแฟรสชาติดี ทอดสายตาไปที่สวนสวยรอบบ้านที่ถูกจัดแต่งอย่างงดงาม
  ใช่แล้ว นี่คือบ้านของเธอราคากว่า 4 ล้านบาท และแน่นอนเงินทุกบาทุกสตางค์ถูกอดออมมาอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เธอเริ่มต้นทำงาน

  เธอบอกฉันว่า "ฉันไม่ได้มีรายได้มากกว่าคนอื่นเลย เพียงแต่มีความฝันเดียวที่จะมีบ้าน และก็พยายามทำความฝันให้สำเร็จ"

   เพียงแค่เราฝันที่จะมีบ้าน ก็เท่ากับเริ่มต้นวางอิฐก้อนแรกไว้ที่บ้านของเรา

  ฉันขับรถออกจากบ้านของเธอในยามเย็น ฟ้าสีส้มอมเทาข้างหน้า ตัดกับทิวดอกลั่นทมสีขาวพราวสะพรั่งสองฝั่งถนนทางเข้าหมู่บ้านของเธอ เป็นภาพงามตาที่น่าประทับใจ 

  แม้ฉันไม่มีบ้านเป็นของตัวเองจริงๆ  แต่มีที่พักใจอบอุ่นเหมือนบ้านตัวเองเพิ่มขึ้นทุกปี..ทันทีที่มิตรสหายโทรมาบอกว่ากำลังตัดสินใจซื้อบ้านใหม่ ^ ^

Paokuntima
1/06/2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น