วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2554

บานประตูสู่ขุนเขา

กาลครั้งหนึ่งนานหลายปีแล้ว ฉันเลือกที่จะมีอิสรภาพด้านเวลา แล้วหันหลังให้กับความมั่นคงทางการเงิน นั่นคือวันที่ฉันลาออกจากงานประจำ
การลาออกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การตื่นขึ้นมาแต่ละวันเพื่อถามตัวเองว่า วันนี้จะเหมือนวันว่างๆ เมื่อวานหรือวานซืนหรือเปล่า พรุ่งนี้ฟรีแลนซ์อย่างเราจะมีงานเข้ามั้ย เราจะมีแรงผลักดันตัวเองจากอิสระอันล้นเหลือชวนเสียผู้เสียคนนี้หรือไม่
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากยิ่งกว่า

หวนกลับไปมองช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่น่าอิจฉาไม่ใช่น้อย
ไม่มีนาฬิกาปลุก ไม่ต้องเด้งตัวเองลุกจากเตียง เช้าวันฝนตก ก็นอนอุตุ (ล้วนแล้วแต่เป็นนิสัยของคนขี้เกียจทั้งสิ้น :)
วันไหนมีงาน ไปทำงาน วันไหน ไม่มีงาน ก็หางานทำเอง
ไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ ถ้าไม่ติดเรื่องงบ จะอยู่ยาวแค่ไหนยืดหยุ่นได้เสมอ
ช่วงวันหยุดลองวีคเอ็นด์ เราเก็บตัวจำศีล พอถึงวันธรรมดา เราลั้ลลาตามอัธยาศัย
บ้านคือที่ทำงาน บ้านคือร้านอาหาร บ้านคือโรงแรมส่วนตัว
ชีวิตผูกพันกับบ้านมากขึ้น

แต่แล้วโชคชะตาฟ้าลิขิตให้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ชีวิตบทใหม่จะเริ่มขึ้น เมื่อโอกาสเปิดประตูให้ฉันก้าวเดินไปบนความท้าทายอันใหม่
พี่เป้า หนึ่งในสามสหายของบล็อกตะลุมบอนบอกว่า ยิ่งโต (หรือยิ่งแก่นั่นเอง) ก็ยิ่งเชื่อว่าชีวิตคนเราถูกลิขิตไว้แล้ว
โอกาสเป็นของแปลก จู่ๆ ก็มา จู่ๆ ก็ไป แล้วจู่ๆ ก็วกกลับมาใหม่
นี่คือโชคชะตาของฉันในช่วงนี้

ประตูบานหนึ่งได้เปิดขึ้น เราไม่มีทางรู้เลยว่าหนทางที่ทอดยาวเบื้องหลังบานประตูจะเป็นเช่นไร นอกจากเดินไปดูด้วยตาตัวเอง
เส้นทางจะราบเรียบ ขรุขระ หรือเจอภูเขาสูงชัน เมื่อตัดสินใจออกเดินแล้ว ขอให้เชื่อเถอะว่า เราแข็งแรงกว่าที่คิดเสมอ
เมื่อโอกาสมาหา ฉันไขว่คว้าไว้ และบอกกับตัวเองว่า แม้ไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเย็นที่หน้าต่างห้องทำงานที่บ้าน แต่ฉันจะเห็นแสงยามเช้าบนเส้นทางสู่ออฟฟิศใหม่
สวัสดีงานประจำ เจอกันอีกครั้งล่ะนะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น