หลายปีมาแล้วฉันกับเพื่อนใฝ่ฝันอยากทำสำนักพิมพ์ เราปรึกษากันว่าเราควรไปหาใครดี เพื่อนบอกว่าเราควรไปหาคนที่มีความฝันเหมือนเรา ในที่สุดเราก็เดินตัวเล็กแต่หอบความฝันยิ่งใหญ่ไปหาคุณสุข สูงสว่าง ที่สำนักพิมพ์ดวงกมล ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าของสำนักพิมพ์ใหญ่ระดับประเทศจะยอมให้เราเข้าพบ ถึงวันนี้ฉันมองย้อนตัวเองแล้วก็นึกขำเต็มที เราสองคนในวัย 20 ต้นๆ ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไปพรีเซนต์แม้แต่น้อย ได้แต่พร่ำพูดแต่ความฝันอันแรงกล้าของตัวเอง และความปรารถนาดีที่มีต่อวงการหนังสือ หากฉันเป็นคุณสุขในวันนั้น ฉันคงไม่ยอมเสียเงินหลายแสนบาทลงทุนทำฝันลมๆ แล้งๆ ให้ไอ้เด็กโง่สองคนนี้ แต่นั่นไม่ใช่คุณสุข เขามองพวกเราด้วยสายตาเมตตาปรานี และบอกให้เดินหน้าโครงการฝันหวานของเราทันที
ฉันยังไปเจอคุณสุขอีกหลายครั้ง เพื่อศึกษาหาความรู้เรื่องการทำหนังสือ การสนทนาเรื่องหนังสือเป็นไปอย่างไม่รู้จักจบสิ้น คุณสุขหยิบหนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าขึ้นมาเล่าให้ฉันฟังอย่างมีความสุข
"เล่มนี้ขายดีมาก คุณคิดไม่ถึงหรอก" ฉันตกตะลึงพรึงเพริดกับหนังสือธรรมดาที่พิมพ์เกือบแสนเล่ม
"เล่มนี้ก็ขายดี"
"เล่มนี้ผมให้คุณ คุณเอาไปอ่าน" ฉันหอบหนังสือและแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยมกลับบ้าน และไม่เคยกลับไปหาคุณสุขอีกเลย เหตุเพราะฉันค้นพบว่า แท้จริงแล้ว แค่มีความฝันอย่างเดียวไม่เพียงพอ เราต้องมีความรู้ความสามารถที่มากพอด้วยถึงจะทำทุกอย่างได้สำเร็จ
ฉันเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าและอดยิ้มไม่ได้เมื่อพบประโยคนี้ในสมุด " Read wildly, Eat simply , Drink wisly. อ่านให้กว้าง กินให้ง่าย ดื่มอย่างฉลาด" ปรัชญาชีวิตของ สุข สูงสว่าง
วันนี้แม้ไม่มี สุข สูงสว่าง บนโลกใบนี้ แต่ความ "สุข" ที่ได้อ่านหนังสือของสำนักพิมพ์ดวงกมล และความ "สว่าง" ทางปัญญายังคงอยู่ตลอดกาล
paokuntima
4/05/2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น