วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

วิชาตัวเบา


ถ้าตะโกนถามผู้หญิงร้อยคนคละวัยว่าใครอยากผอมยกมือขึ้น เชื่อว่าต้องมีคนชูแขนผลึ่บผลั่บไม่ต่ำกว่าครึ่ง ก็ในเมื่อความผอมกลายเป็นบรรทัดฐานของความสวย ทั้งวัยรุ่น วัยสาว วัยกลางคน ผู้หญิงวัยไหนก็เหอะ กลัวอ้วนกันทั้งนั้น
            โชคดีที่ฉันเกิดมาผอมแห้งแรงน้อย ได้เชื้อพ่อมาเยอะก็เลยผอมสูงเหมือนพ่อ จำได้ว่าตอนเป็นวัยรุ่นฉันกินเก่ง น่าจะเรียกได้ว่ากินล้างกินผลาญกันเลยทีเดียว กินไปแป๊บๆ ยังไม่ทันไร หิวอีกแล้ว ดีที่บ้านเราเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว หิวปุ๊บลวก (ก๋วยเตี๋ยว) ปั๊บ กินได้กินดี แถมกินเท่าไหร่ก็ไม่เคยอ้วน
            ผ่านเข้าสู่วัยทำงาน จากวัยทีนมาสู่วัยยี่สิบกว่าๆ ฉันยังคงรักษาประสิทธิภาพการกินได้ดีเยี่ยมดุจเกลือรักษาความเค็ม แต่เมื่อผ่านวัยรุ่นไปแล้ว ระบบการเผาผลาญอาหารเริ่มอ่อนแรง ไม่ปรู๊ดปร๊าดเผาไหม้หมดจดเหมือนก่อน ทีนี้เสร็จล่ะสิ หน้าท้องที่เคยแบนราบ เริ่มมีไขมันมาเปิดบัญชีออมทรัพย์ นานวันเข้ากลายเป็นบัญชีฝากประจำ
3 เดือนก็แล้ว 6 เดือน 12 เดือน ไม่มีทีท่าว่าไขมันจะปิดบัญชี จากวันนั้นถึงวันนี้ มันได้กลายเป็นบัญชีแบบฝากตลอดชีพไปเรียบร้อยแล้ว

จนถึงทุกวันนี้ความอ้วนยังไม่ได้เป็นทั้งเพื่อนสนิทหรือศัตรูตัวร้ายของฉัน น่าจะเป็นความโชคดีของร่างกายที่คงระดับน้ำหนักไว้ไม่เหวี่ยงเกิน 1-2 กิโลมาตั้งแต่วัยเช้ายันวันบ่ายคล้อยในวันนี้ จะมีก็แต่นังพุงนั่นแหละที่ปูดโปนออกมาให้ระอาใจ มิใยจะกำจัดอย่างไร เดี๋ยวมันก็กลับมาใหม่
วันก่อนพี่กุ้ง (ชื่อในเฟซบุ้คคือ Euretha Atelier) อดีตอาจารย์สอนวิชาออกแบบลายผ้าและสิ่งทอ คณะศิลปกรรม จุฬาฯ ส่งข้อความมาถามประสบการณ์ล้างพิษของฉัน ก็เลยเห็นว่าน่าจะเอามาเขียนบล็อกซะหน่อย กำลังหาเรื่องเขียนอยู่พอดี อิอิ

ราว 10 ปีที่แล้วฉันได้ยินเรื่องการกินอาหารแบบแมคโครไบโอติคมาระยะหนึ่ง แต่ไม่เคยทดลอง จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดฮึด เอาหนังสือมาอ่าน ทั้งแมคโครไบโอติคและหนังสือล้างพิษ คิดว่าไหนๆ มีวันหยุดติดกัน 3 วัน จำศีลอยู่บ้าน ไม่ได้ไปไหน ไม่ต้องใช้พลังงานเยอะ น่าจะลองล้างพิษดูซิ เผื่อพุงจะยุบบ้าง
ในหนังสือมีวิธีล้างพิษแบบ 3 วัน 7 วัน แนะนำรายการการกินอาหารแต่ละวันว่าให้งดหรือให้กินอะไร ซึ่งฉันจำรายละเอียดไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นการล้างพิษแบบหักดิบจริงๆ เพราะวันแรกไม่ได้กินอะไรเลย ให้เอาน้ำลูบท้องอย่างเดียว
ทีนี้อยู่แต่บ้าน ก็เปิดดูแต่ทีวี ก่อนหน้านี้ไม่เคยสังเกตเลยว่า ในทีวีมีโฆษณาของกินมากมายขนาดนี้ จนวันนั้นนั่นแหละ วันที่ท้องร้องครืดคราด เดี๋ยวๆ ก็โฆษณาพิซซ่า เปลี่ยนช่องไปนึกว่าจะรอด ดันเจอมาม่าต้มยำกุ้งอีก ทำใจสู้ ดูไปน้ำลายยืดไป ไม่ทันไรโฆษณาน้ำอัดลมเปิดจุกเย็นซ่า ไหนจะนมสด นมเปรี้ยว โยเกิร์ต นี่ยังไม่นับรวมพวกขนมขบเคี้ยว กูลิโกะ มันฝรั่ง โก๋แก่ ล้วนแล้วแต่ทรมานพยาธิ ชวนให้ตบะแตก ลงไปต้มมาม่า เปิดกระป๋องน้ำอัดลม แล้วค่อยโทรสั่งพิซซ่ามากินซะให้สาสม
แต่ฉันก็ซาดิสม์ อดทนทดอดผ่านไปจนครบสามวัน โดยวันหลังๆ กินน้ำต้มผักบ้าง กินผักต้มบ้าง แต่ผอมลงหรือเปล่า ทำไมจำไม่ได้ก็ไม่รู้แฮะ จำได้แต่รสชาติความหิว แล้วลงเอยด้วยความคิดว่า จงเลี้ยงพุงต่อไปเถอะเรา

จนเมื่อสี่ปีแล้ว ไปทำข่าวเรื่องโยคะที่สมุย ทางสตูดิโอมีคอร์สล้างพิษด้วยน้ำผลไม้ ดูค่าใช้จ่ายแล้วคิดว่า ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน แต่ไหงค่าใช้จ่ายมันหลายสตางค์จริงวุ้ย อย่ากระนั้นเลย กลับมาประยุกต์พลิกแพลงเอาเองดีกว่า
น้ำแครอทผสมฝรั่งสกัด ส่วนข้่าวผัดอเมริกันอย่าไปสนใจมัน :D

ฉันตั้งเวลาล้างพิษด้วยน้ำผลไม้ 3 วัน ก่อนจะถึงวันล้างพิษต้องค่อยๆ ลดปริมาณอาหารลงทีละนิด เลือกอาหารที่ย่อยง่ายไม่หนักท้อง พอถึงวันแรกฉันเริ่มต้นด้วยการดื่มน้ำผลไม้ 3 มื้อ เอาแครอทและฝรั่งมาเข้าเครื่องแยกกาก สกัดเป็นน้ำออกมา ดื่มอั้กๆ แก้วโต อิ่มได้แป๊บๆ พอหิวก็ดื่มน้ำเอา
วันที่สอง ดื่มน้ำผลไม้สกัด 3 มื้อ และเพิ่มผลไม้ที่ย่อยง่าย น้ำตาลไม่เยอะมาก 1 อย่างกินควบคู่ไปด้วย จำได้ว่าฉันเลือกส้มโอ (ไม่รู้น้ำตาลเยอะหรือเปล่า แต่ชอบ) วันนี้ค่อยอิ่มท้องขึ้นหน่อย เพราะมีอะไรมาให้เคี้ยวบ้าง
วันที่สาม ดื่มน้ำผลไม้สกัดทั้ง 3 มื้อ กินส้มโอ เพิ่มผลไม้อีกอย่างคือแอ๊ปเปิ้ล และมื้อเย็นกินสลัดผัก (เลือกสลัดน้ำใส) ไชโย
สามวันผ่านไป คราวนี้เห็นผลชะงัดมาก พุงแบนแต๋ ต้นขาตรงสะโพกที่เคยเป่งออกมาก็ยุบลงไปอย่างอัศจรรย์ ตัวเบาแบนเห็นได้ชัด ยอมรับว่าฉันติดใจการล้างพิษด้วยวิธีนี้มาก ช่วงนั้นทำเกือบทุกเดือน ว่ากันตามหลักสุขภาพ บอกตรงๆ ว่าไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่ แต่คิดปรับแต่งเอาตามความสะดวกของเรา
ทีนี้การกลับมากินอาหารหลังล้างพิษเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะกระเพาะอาหารของเราเพิ่งมีโอกาสได้ลิ้มรสลองวีคเอนด์กับเขา ได้หยุดพักผ่อน ไม่ต้องย่อยอาหารอยู่ตลอดเวลา พอจะกลับมาเริ่มกินอาหารใหม่ คราวนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากอาหารย่อยง่ายอย่างสลัด ข้าวต้ม ปลานึ่ง ผักนึ่ง เกี๊ยวน้ำหรือสุกี้แห้งก่อน
วันแรกๆ เราจะไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอก ข้าวก็กินไม่เยอะ เพราะมันทั้งอิ่มไปเองและทั้งอยากรักษาหน้าท้องแบนราบให้คงอยู่นานๆ แต่พอผ่านไปหลายวันเข้า วิถีการกินอาหารก็จะค่อยๆ ปรับกลับมาเป็นแบบเดิม
ฉันไม่ได้ล้างพิษด้วยน้ำผลไม้มาสองปีแล้ว แถมช่วงนี้ไม่ได้ไปโยคะอีกต่างหาก เพราะเซ็นทรัลลาดพร้าวปิดปรับปรุง ไขมันก็เลยกระหน่ำดอกเบี้ยฝากประจำแบบไม่หักภาษีให้ซะอ่วม
เห็นทีเร็ววันนี้มาเริ่มต้นล้างพิษใหม่ดีกว่า กลับเข้าคอร์สวิชาตัวเบาอีกสักหน
แต่ก่อนจะถึงวันนั้น (ซึ่งไม่ได้กำหนดว่าวันไหน) ตอนเที่ยงอย่างนี้ขอไปจัดการขนมจีนน้ำยาไข่ต้ม หมูทอด ชานมเย็น แล้วปิดท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง น่าจะอิ่มกำลังดี ฮี่ ฮี่   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น