วันศุกร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

where we belong to


ภาพประกอบน่ารักวาดโดยโมโมโกะ
เมื่อวานนี้ฉันได้เฉียดเข้าไปสำรวจชีวิตของคนอยู่หอ เพราะไปช่วยเดินหาหอพักให้หลานจากอุบลฯ ที่สอบติดจุฬาฯ
จากที่เคยคิดว่าคอนโดฯ สมัยนี้ช่างเล็กน่าอึดอัดเสียนี่กระไร พอได้เห็นหอพักก็พบว่าห้องในหอพักเล็กยิ่งกว่า ค่าเช่าถูกที่สุดคือเดือนละ 3,700 บาท แต่สภาพห้องทั้งหลอนและไม่ปลอดภัย
ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่าซอกซอยย่านราชเทวีและพญาไทจะมีหอพักยุ่บยั่บขนาดนี้ จำนวนประชากรในย่านนั้นหนาแน่นมาก หอพักมากมายตั้งเรียงรายชิดติดกัน แต่ก็ยังไม่มีห้องว่างให้หลานและเพื่อนเช่าอยู่ ความจริงห้องว่างพอมีบ้างซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะสภาพของมันก็สมควรแล้วที่จะว่างต่อไป
ในห้องที่เล็กแคบของหอพัก บางห้องมีคนอยู่ถึง 4-5 คน อยู่กันเป็นครอบครัวทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และคนแก่ 
           
คนกรุงเทพฯ อย่างฉันไม่เคยพลัดถิ่นไปใช้ชีวิตยาวๆ ในจังหวัดอื่นมาก่อน ก็เลยไม่เคยลิ้มรสการอยู่หอ ตอนเรียนมัธยมเคยคิดอยากเป็นนักเรียนประจำตามประสาวัยรุ่นติดเพื่อน พอเรียนมหาวิทยาลัยก็อยากเป็นเด็กหอกับเค้าบ้าง เพราะนอกจากไม่ต้องเดินทางไปกลับแล้ว ยังได้นอนคุยกับเพื่อนร่วมห้องด้วย คิดแล้วน่าสนุก
            เวลาล่วงเลยผ่านไป แม้จะยังไม่มีโอกาสอยู่หอ แต่ก็ได้เปลี่ยนที่พักชั่วคราวยามเดินทางท่องเที่ยว บางครั้งดวงขึ้นได้นอนโรงแรมสุดหรู มีอ่างจากุชชี่ มีแกรนด์เปียโนในห้อง บางคราวดวงตกโคจรไปเจอห้องผีสิง นอนๆ อยู่มีเสียงเคาะหลังคานานเป็นชั่วโมง และบ่อยครั้งได้พบเจอที่พักน่ารักน่าประทับใจ
ไม่ว่าห้องนอนชั่วคราวจะเก๋หรูอยู่สบายแค่ไหน ทุกครั้งที่ได้กลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่บ้าน ร่างกายและจิตใจดูเหมือนจะได้พักจริงๆ ถึงปลอกหมอนบางใบจะซักจนขึ้นขุย แต่เราสามารถนอนแผ่หลาได้อย่างสนิทใจ
ฉันคิดว่าช่างโชคดีที่ได้กลับบ้าน

แข้งขาเมื่อยขบตามวัยหลังกลับจากการสำรวจหอพักเมื่อวานนี้ หมอนยวบๆ ใบเก่ารองรับหัวสมองอันหนักอึ้ง ผ้าปูที่นอนผืนใหม่เนียนนุ่มนอนสบาย 
เปลือกตาค่อยๆ ปิดลง พร้อมกับบอกตัวเองว่าช่างโชคดีที่มีบ้านให้กลับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น