วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ระฆังแห่งสติ

   แต่ละวันเราได้ยินเสียงอะไรมากมาย..แต่จะมีสักกี่เสียงที่ได้ฟังอย่างแท้จริง
   แม้ฉันจะฝึกฝนการ "มีสติ" อยู่บ้าง แต่ยอมรับว่าทำได้ไม่เกินห้านาที และน่าจะเรียกว่าเป็นคน "ไร้สติ" ตลอดเวลาก็ว่าได้ ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา จิตใจฉันก็เริ่มว้าวุ่นตั้งแต่วินาทีแรก สมองเริ่มคิดถึงเรื่องเมื่อวาน กังวลไปถึงวันพรุ่งนี้ ย้อนไปคิดถึงหนังที่ดูเมืื่อคืน ผ้าที่ยังไม่ได้ซัก อาหารค่ำที่กินกับเพื่อนเมื่อวาน งานที่คั่งค้าง เส้นทางที่อยากขับรถไปเที่ยว และสารพัดเรื่องราวที่วิ่งพล่านในใจไม่หยุด
  น่าแปลกใจ ทำไมจิตใจของคนเราถึงว้าวุ่นครุ่นคิดเรื่องราวร้อยแปดพันเก้าไ้ด้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย


   หลายเดือนก่อน ขณะฟ้าเริ่มมืด ฉันออกไปยืนชมแสงอัสดงสุดท้ายของวันที่หลังบ้านอย่างมีความสุข แสงสีส้มอมเทาทาทาบบนขอบฟ้าไล่เฉดสีอย่างงดงาม ระหว่างสงบนิ่งอยู่กับความงามยามอาทิตย์ลับฟ้า ฉับพลันก็ได้ยินเสียงระฆังดังกังวานแว่วมาแต่ไกล เป็นเสียงระฆังโบสถ์อย่างแน่นอน ฉันเหลือบมองนาฬิกา และพบว่าเป็นเวลาหกโมงเย็น นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ระฆังดังกังวานในยามนี้ แต่คงดังกังวานมาแล้วเป็นเวลาหลายปี แต่ทำไมฉันไม่เคยได้ยินเสียงระฆังนี้แม้แต่ครั้งเดียว


  เสียงระฆังน่าจะมาจากวัดที่อยู่ใกล้ๆ บ้าน หากขับรถไปบนถนนหลักไม่น่าเกินสามกิโลเมตร แต่บนถนนอากาศตัดจากหลังคา้บ้านฉันมองตรงไปที่ยอดหลังคาวัด น่าจะไม่กี่ร้อยเมตร


  เสียงระฆังยามเย็นนั้นกังวาน เป็นเสียงเยือกเย็นเบิกบาน ที่เรียกสติที่จากฉันไปไกลแสนไกลกลับคืนสู่ปัจจุบนขณะได้อย่างรวดเร็ว หลังจากวันนั้น ฉันเริ่มได้ยินเสียงระฆัง ได้ยินเสียงนกนานาชนิดที่ร้องยามเช้า ได้ยินเสียงแผ่วเบาของกังสดาลยามพริ้วไหวกับสายลม บางคืนดึกสงัดฉ้ันยังได้ยินเสียงสายฝนจากที่ห่างไกล ที่ค่อยๆ ดังไล่มาจนถึงหลังคาบ้านตัวเอง


  ฉันเพิ่งเข้าใจในคำสอนของท่าน ติช นัท ฮันห์ กับการมีสติอยู่กับปัจจุบันขณะ 
  
  ยิ่ง "ฟัง" ก็ยิ่ง "เงียบ"
 
  เมื่อสติของเรากลับคืนมา โลกที่เคยอึกทึกครึกโครม กลับสงัดเงียบลงกว่าเดิม..ไม่เว้นแม้แต่ใจของเราเอง..

Paokuntima
19 / 05 / 2011

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น