วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ณ ที่ซึ่งความรักพำนักอยู่

เบื้องหลังช็อตที่ทีม my home ถ่ายหน้าปก
วันนี้บ้านเหลือง little sunshine ได้ขึ้นปกนิตยสาร my home ค่ะ อันที่จริงทางทีมงาน my home มาถ่ายรูปและพูดคุยกับพวกเราตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมโน่นแล้ว ฮ่องเต้ (นักเขียน) บอกว่าจะวางแผงฉบับเดือนมิถุนายน เป็นวาระครบรอบ 1 ปีของนิตยสารพอดี
เคหาสน์ลาดพร้าวของเราเป็นตึกแถว 5 ชั้นครึ่ง อยู่มา 28 ปีแล้ว แต่ก่อนอยู่กันอุ่นหนาฝาคั่งแทบทุกชั้น เพราะพ่อ แม่ และพี่ชายสองคนยังพักอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
ชั้นล่างสุดเคยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นและข้าวหน้าไก่ ขายได้ 10 กว่าปีก็เลิกกิจการ ไม่ใช่รวยแล้วเลิก แต่มีเหตุให้ต้องเลิก เพราะลูกมือจากแดนอีสานฮิตไปทำงานในโรงงาน (เมื่อราวสิบปีก่อน) พอหยุดตรุษจีนแล้ว ไม่มีใครยอมกลับมาทำงานอีก บวกกับลูกๆ โต มีงานทำกันหมด ร้านหมงโภชนาจึงต้องปิดตัวไปโดยปริยาย

ตึกแถวริมถนนตึกนี้ พ่อและแม่ของฉันซื้อหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ทำงานหนักช่วยกันเก็บหอมรอมริบ ค่อยๆ ผ่อน ถ้ามีเงินก้อนใหญ่ก็โปะแบงค์ไป นานหลายปีกว่าจะหมด ถ้าเทียบราคาปัจจุบันกับเกือบ 30 ปีที่แล้ว เงินล้านกว่าที่พ่อแม่เคยซื้อตึก 5 ชั้นครึ่งนี้ ปัจจุบันสามารถซื้อห้องในคอนโดฯ ได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น
ค่าของเงินอาจน้อยลง
แต่ค่าของคำว่า "บ้าน" มีแต่เพิ่มขึ้น

ออกไปทำงาน  แม้จะเหนื่อยเครียดราวกับอยู่ในสมรภูมิรบแค่ไหน อย่างน้อยที่สุดเรายังมีบ้านให้กลับไปพัก  
มีฝักบัวให้เราเปิดรดหัวแรงๆ ชำระความสาหัสของชีวิตวันนี้ออกไป
มีเตียงที่รอเราทิ้งตัวลงนอน เพื่อจะตื่นพร้อมออกรบใหม่ในวันพรุ่ง
  
            คำฝรั่งบอกว่า home is where the heart is
บ้านอาจประกอบด้วยข้าวของเครื่องใช้และของแต่งบ้านสวยเก๋มากมาย แต่บ้านก็คือบ้าน ไม่ใช่โชว์รูม บ้านจึงสกปรกได้ เลอะเทอะได้ อยู่ได้ จับต้องได้
ฝาผนังอาจเลอะด้วยลายเส้นยุ่งๆ ของลูกสาว เมื่อแม่หนูน้อยอยากได้กระดาษแผ่นที่ใหญ่กว่าสมุดวาดเขียน
ขาเก้าอี้ไม้ตัวโปรดยับเยินแหว่งวิ่นจากรอยแทะของลูกหมาลาบราดอร์วัย 5 เดือน
ห้องครัวกับกลิ่นอบอวลมากมาย ทั้งกะปิ ปลาเค็ม และรอยน้ำมันกระเด็นที่เช็ดไม่ออก
ตู้โชว์ที่มีตุ๊กตาตัวแรกที่พ่อซื้อให้ ปะปนกับตุ๊กตาตัวแรกที่แฟนซื้อให้ มันอัดๆ กันอยู่กับข้าวของอื่นไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก ฝุ่นจับบ้าง แต่เราไม่เคยคิดโยนทิ้ง
ในวันที่โลกไม่เป็นของเรา พื้นห้องน้ำที่เย็นสบายก็กลายเป็นมุมให้เราทรุดตัวลงนั่งร้องไห้  
  
ว่ากันว่าบ้านที่ไม่มีคนอยู่จะโทรมเร็วจนน่าแปลกใจ ฉันว่าน่าจะเป็นเพราะนอกจากจะไม่มีการปัดกวาดเช็ดถูแล้ว บ้านที่ไร้ผู้อยู่อาศัย แน่นอนว่ามันย่อมขาด ชีวิต อันประกอบไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย เสียงทุ่มเถียง เสียงตะโกน เสียงทอดถอนหายใจ เสียงร้องไห้ และเสียงปลอบโยน
เหล่านี้ล้วนคือสำนียงของความรัก
และความรักเท่านั้นคือสถานที่ที่หัวใจเราพำนักอยู่

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 พฤษภาคม 2554 เวลา 12:38

    somm says "ไลค์" :-)

    ตอบลบ
  2. อ่านแล้วรู้สึกอบอุ่น และคิดถึงบ้านจังค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ23 พฤษภาคม 2554 เวลา 14:19

    แต่บ้านพี่หมวยไม่เคยฉกปกเลยหนิ

    ตอบลบ