วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สิ่งไม่จำเป็นอันเป็นที่รัก

ผ้ามากมายที่ฉันบ้าคลั่งซื้อมา

ตั้งแต่เริ่มหัดเรียนเขียนอ่าน นักเรียนชั้นประถมก็ได้รับการสอนสั่งและท่องกันปาวๆ จนขึ้นใจว่า ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ประกอบด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค
แค่มี 4 อย่างนี้เราก็อยู่รอดปลอดภัยและมีความสุขได้
คนเราถ้ากินอิ่ม นอนหลับ ไม่หนาวเหน็บและเจ็บไข้ ก็น่าจะสุขีกับชีวิตได้ในระดับหนึ่ง แต่เราไม่อยากหยุดอยู่แค่ระดับหนึ่งหรอก จริงไหม
ความจำเป็น ความต้องการ ความปรารถนา หรือทางพุทธเรียกว่ากิเลส จะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ จะคอยมาสะกิดให้เราอยากได้นู่นได้นี่ตลอดเวลา แม้เราจะมีข้าวของที่มีประโยชน์ใช้สอยเหมือนกับของที่อยากได้อยู่แล้วก็ตาม แต่เราก็มักจะหาเหตุผลในการมีของสิ่งใหม่ (ที่ใกล้เคียงของเดิม) มาหักล้างได้เสมอ
เชื่อว่าทุกคนคงเป็น และเชื่อว่าหลายคนเรียกสิ่งนี้ว่าความสุข

วันนี้ระหว่างเดินอยู่ใน zeen zone เซ็นทรัลชิดลม อันเป็นแหล่งรวมข้าวของกระจุกกระจิกนานา ฉันคว้าหมับไปที่สติกเกอร์แบบนูนอันหนึ่ง เป็นสติกเกอร์ดวงจิ๋วๆ ลายเครื่องครัวน่าเอ็นดูหลายลาย ทั้งตาชั่ง เครื่องปั่น แก้วน้ำ เหยือก ช้อน  ฯลฯ
พลิกดูราคา 120 บาท ใจนึงบอกว่าซื้อเหอะ อีกใจบอกว่าไม่จำเป็น ใจนึงบอกว่าน่ารักนะ เหยือกลายจุดด้วย อีกใจบอกว่าซื้อไปก็ไม่กล้าใช้ เสียดาย แอบงก ใจนึงบอกว่าถือไว้ก่อนระหว่างเดินดูของอย่างอื่น อีกใจบอกว่ารีบไปเหอะ ต้องกลับไปทำนู่น นั่น นี่
            เถียงกันไปมา สรุปว่าไม่ได้ซื้อ แต่กลับมาบ้านแล้วคิดถึง :D
สมุดบันทึกที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะใช้หมด
           
            พี่คนหนึ่งเคยบอกว่าเมื่อเราซื้อของชิ้นหนึ่ง ก็เท่ากับเราเพิ่มงานให้ตัวเองอย่างหนึ่ง เป็นงานในการดูแล จัดเก็บ และปัดฝุ่นทำความสะอาด
            เคยถามเพื่อนชาวญี่ปุ่นว่า zakka แปลว่าอะไร เพื่อนให้ความหมายได้ตรงใจมากว่า “unnecessary but cute”
            ของหลายอย่างในชีวิต แม้ไม่จำเป็นต่อร่างกาย แต่มีแล้วจิตใจกระชุ่มกระชวยดี บางอย่างซื้อแล้วก็ยังซื้ออีกได้ไม่รู้เบื่อ
           
ทุกเช้าวันอาทิตย์ ตุ่น-อาจารย์วิลลา วิลัยทอง อาจารย์สาวคนสวยประจำคณะอักษร จุฬาฯ จะมีความสุขกับการไปร้านกิฟต์ช้อปที่มาเปิดแผงในหมู่บ้านปูนซิเมนต์ไทยที่เธอพักอาศัย ตุ่นเรียกร้านนี้ว่า ร้านหลอกลวง แต่ตุ่นก็ยอมให้หลอกด้วยความเต็มใจ เพราะร้านหลอกลวงประกอบด้วยข้าวของจุ๊กจิ๊กสารพัดสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสมุดโน้ต กระเป๋าใส่เศษสตางค์ คลิปหนีบกระดาษ ถาดอาหาร ถุงช้อปปิ้ง ขวดน้ำ เอ่ยชื่อมาเถอะ ตุ่นเคยซื้อมาหมด ซื้อจนคนขายยังทักว่า อันนี้น้องเคยซื้อไปแล้ว
ในห้องครัวบิวท์อินของตุ่น นอกจากจะเก็บแก้วน้ำ จานชาม และเครื่องปรุงต่างๆ แล้ว ตู้ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ที่กันไว้สำหรับสิ่งของเล็กๆ ที่ตุ่นซื้อหามา คราใดมีเพื่อนไปเยี่ยมบ้าน ตุ่นจะปีนเก้าอี้และหยิบข้าวของลงมาแจกจ่ายให้เพื่อนไว้เป็นที่ระลึกเสมอ นี่ยังไม่นับรวมถึงสมุดบันทึกที่ตุ่นเก็บสะสมไว้อีกหนึ่งตู้เต็ม
งานปักที่เห็นเมื่่อไหร่ ยากที่จะอดใจ

มีของไม่น้อยที่เราซื้อหามาชื่นชม แล้วก็จัดการเก็บใส่กล่องหรือใส่ตู้ไว้ เราไม่อยากเอามาใช้ บางทีเราลืมมันไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ของที่ไม่จำเป็นเหล่านี้แหละที่ทำให้เรามีความสุขเมื่อได้หยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง บางชิ้นผ่านกาลเวลามาหลายปี และแน่นอนมันจะอยู่กับเราไปอีกหลายปี
มันกินไม่ได้ แต่เราเรียกมันว่าสุนทรีย์ของชีวิต

ประโยคหนึ่งในหนังสือ ข้างหลังโปสการ์ด โดยหลานเสรีไทย (136) เขียนไว้ว่า แม่บอกว่าถ้ามีเงินสองบาท บาทหนึ่งจงเอาไปซื้อข้าว อีกบาทหนึ่งให้เอาไปซื้อดอกไม้
ถ้าชีวิตดำรงอยู่ได้ด้วยปัจจัย 4 หัวใจก็เต้นอยู่ได้ด้วยสิ่งสุนทรีย์
ถ้ามีเงินอยู่ 150 บาท 30 บาทฉันจะเอาไปซื้อก๋วยเตี๋ยว อีก 120 บาทฉันคิดว่าจะเอาไปซื้อสติกเกอร์
^___*
             

   


  

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 พฤษภาคม 2554 เวลา 22:27

    ต้องแสดงความ "เห็นด้วย" เสียหน่อยแว้ว ในฐานะที่ถูกพาดและพิง 555
    ติ๊ก'เกอร์ก็มีนะ แถมวันนี้ผ่านจามจุรีสแควร์ได้สมุดโน้ตมา 3 เล่ม บอกอาจารย์ที่ไปด้วยว่า หนูซื้อเผื่อให้ของขวัญเพื่อน...อ้างปาย...ตุ่นเอง

    ตอบลบ
  2. ถ้าไป zeen zone อีก มีหวังต้องไปสอยมาใให้แล้วใจแน่ๆ เลยล่ะตุ่น :-)

    ตอบลบ
  3. ฮ่า ฮ่า มีเยอะมากเช่นกัน อ่านแล้วเลยเลิกรู้สึกผิดแล้วซื้อต่อไป ^^

    ตอบลบ
  4. 555 ซื้อเพื่อความสุข กินข้าวน้อยหน่อย เราก็ยอม เนอะต้อนเนอะ :-)

    ตอบลบ