วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Old Shoes Never Die

เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ยามกลางวันจะอากาศร้อนผ่าวแค่ไหนก็ตาม ผมกับหมวยก็ไม่ยอมหยุดอยู่กับบ้าน แต่เราชักชวนกันว่าไปเดินจตุจักรกันดีกว่า


เคยคิดเหมือนผมไหมครับว่า เวลาที่เราไปเดินเล่นตามตลาดนัดเพื่อดูข้าวของเช่นนี้ ของที่เราอยากได้ คิดเอาไว้ว่าจะมองหาหรืออยากซื้อ มันมักจะไม่ได้หรือไม่เจอ ผิดกับอะไรที่ไม่ได้คิดไว้ว่าจะเดินไปเจอเข้า ไม่คิดว่าจะชอบหรือจะซื้อ แต่เรากลับเดินเข้าไปเจอสิ่งนั้นง่ายๆ แต่ที่ยากกว่าก็คือการบอกตัวเองให้ตัดใจ ไม่เอา ไม่ซื้อแล้วเดินจากมา


วันนั้นผมเองเดินไปเจอรองเท้าหนัง camper คู่หนึ่งที่ร้านขายรองเท้ามือสอง มันวางโชว์เอาไว้ตรงชั้นด้านหน้าร้านในระดับสายตา จึงทำให้ผมปะทะเข้าไปอย่างจัง และด้วยความที่เป็นคนชอบรองเท้าและทั้งยังชอบรองเท้ายี่ห้อแคมเปอร์ ผมจึงต้องหยุดตัวเองเพื่อลองใส่และถามไถ่ราคาดู แม้ว่ารองเท้าคู่นั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าเบอร์รองเท้าปกติของผมไปเบอร์หนึ่ง (เวลาเจอของที่ 'โดน' เข้าไปเช่นนี้เรามักจะบอกตัวเองว่าไม่เป็นไรนิ แค่ลองเล่นๆ เฉยๆ)


แต่พอได้ลองและส่องกระจกดู น้องผู้หญิงคนขายที่ทำหน้าที่อย่างแข็งขันก็เอ่ยปากในทันที
"สวย...สภาพก็ยังดี"(...อืมมม ไม่ต้องบอกหรอกครับ ผมดูเองก็รู้)
แต่ราคาเท่าไรล่ะ
"1,500" เธอรีบตอบ
"ลดได้ไหม...ลดได้เท่าไร" ผมลองหยั่งเชิงดูทั้งๆ ที่ไม่ได้คิดเอาไว้ก่อนว่าจะซื้อรองเท้า โดยเฉพาะเป็นรองเท้ามือ (หรือตีน)สอง
"ลดไม่ได้เลยพี่ เพราะคู่นี้สภาพดีมาก เราขายถูกแล้ว"
...แป่ว...


ผมบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ราคาลดไม่ได้ เราเองก็ไม่ได้ชอบหรือไม่จำเป็นมากมาย สู้เก็บเงิน 1,500 บาทเอาไว้กับตัวดีกว่า ไม่เน่าไม่เสีย
แต่หมวยน่ะสิ คงจะดูออกว่าผมสายตาละห้อยเหมือนอาลัยหาและยังอยากได้อยู่ เอ่ยคำคำหนึ่งให้ได้ยินว่า
"ถ้ายังอยากได้อยู่ เดี๋ยวค่อยเดินกลับมา..." (เข้าทางผมพอดี)


จากนั้นเราก็เดินลัดเลาะร้านนู้นร้านนี้ แวะทักทายพี่ๆ เพื่อนๆ ที่รู้จัก ดูข้าวดูของกันไปเรื่อย เหงื่อกาฬก็ไหลแทรกซึมออกมาเพราะเป็นยามบ่ายของหน้าร้อนในจตุจักร ผมไม่ได้ซื้อหาอะไรหรือดูอะไรจริงๆ จังๆ อีก แต่ใจหนึ่งก็ยังบอกตัวเองว่าน่าจะซื้อแคมเปอร์จากร้านขายรองเท้าเก่าคู่นั้น


ใจไวเท่าความคิดเพราะเมื่อก่อนจะจากลาจตุจักรมาในบ่ายวันนั้น ผมก็ได้สาวเท้ากลับไปต่อล้อต่อเถียงเพื่อต่อราคากับแม่ค้าใจแข็งที่ร้านรองเท้า เพื่อหิ้วแคมเปอร์สีน้ำตาลมือสอง (ในราคา 1,500 บาทเท่าเดิม!!) ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย เป็นข้าวของเพียงชิ้นเดียวจากการเดินตลาดบ่ายวันนั้น


เมื่อกลับถึงบ้านและได้ลองใช้งานรองเท้าคู่นี้ดูแล้ว ผมอดที่จะถามตัวเองไม่ได้ว่า...นานเพียงใดแล้วที่ผมซึ่งแม้จะเป็นคนที่ชื่นชอบการซื้อรองเท้า ไม่ได้ซื้อรองเท้าเก่าของใครมาใช้งาน ด้วยเหตุผลของความสะอาด ความสบายใจ หรืออะไรต่างๆ นานาที่ทำให้เรายอมควักกระเป๋าจ่ายแพงกว่าเพื่อซื้อหา "ความใหม่" และความสบายใจที่จะได้ยืน เดิน วิ่งไปบนรองเท้าใหม่ที่เราจะเป็นคนทำให้มันเก่าไปจากการใช้งาน


แต่รองเท้าเก่าไม่เคยตายหรือหายไป เหมือนสสารอื่นใดในโลกนี้ เราจึงเห็นแผงขายรองเท้าเก่ามากมายทั้งที่จตุจักร ตลาดนัดกลางคืนตรงแยกรัชดาฯ หรือกระทั่งตลาดโรงเกลือ อรัญประเทศ ยังมีคนชอบและเลือกซื้อหารองเท้าเก่ามือสองสามสี่ของคนอื่นมาใช้กันอยู่เสมอ


สำหรับผมเวลาเหลียวมองรองเท้าเก่าคู่ใหม่ราคาไม่ถูกที่สอยมาใช้ ผมมักจะคิดไปถึงว่า รองเท้าคู่นี้เคยเดินผ่านประสบการณ์หรือเรื่องราวอะไรมาบ้าง และเมื่อผมสอดเท้าเข้าไปสวมใส่ ก็อดรู้สึกไม่ได้ที่จะสัมผัสถึงการเดินผ่านวันเวลาของเจ้าของรองเท้าเก่าซึ่งสะท้อนมาจากพื้นภายในรองเท้า


เคยมีคำพูดเกี่ยวกับรองเท้าที่ผมอ่านเจอ (น่าจะเป็นจากหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง "ลิตเติลทรี") ซึ่งเขียนไว้ว่า "เวลาที่เราไม่เข้าใจคนอื่น เราเองก็น่าจะลองลงไปเดินในรองเท้าของคนคนนั้นดู"


ราคา 1,500 บาทกับรองเท้าแคมเปอร์คู่เก่า ซึ่งดึงดูดให้ผมเดินกลับไปซื้อหามาใช้ กำลังสอนผมทุกครั้งที่ใช้งานว่า เราจะเข้าใจคนอื่นได้ ถ้าหากลองเดินด้วยรองเท้าเก่าของใครสักคน

2 ความคิดเห็น:

  1. ^__^ เยี่ยมไปเลยค่ะ.."เวลาที่เราไม่เข้าใจคนอื่น เราเองก็น่าจะลองลงไปเดินในรองเท้าของคนคนนั้นดู"

    ตอบลบ
  2. ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบ และหลงไหล แบรนด์รองเท้าคู่นี้ มานาน แต่เพิ่งจะมีโอกาสได้หามาใส่ไม่กี่ปีมานี้เองครับ ใส่สบายมากครับ และถ้าหามือสองสภาพดีๆแบบคุณได้ รับรองว่าคุ้มมากมายครับ

    ตอบลบ