วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

กาน้ำในใจ


มีใครเคยถูกคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพิ่งเจอหน้าและสบตากันเพียงสามวินาทีหันมาด่าว่า เลว มั้ยคะ
ฉันเคยโดนมาแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไรโปรดติดตาม แต่ขอเล่าเรื่องอื่นให้ฟังก่อน

ปีนี้อิทหวนคืนสู่สายพานการทำงานประจำ เข้างาน 9-5 ออกจากบ้านและกลับบ้านในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน คลุกคลีบีบอัดไปกับกระแสมนุษย์เงินเดือนในรถไฟใต้ดินตั้งแต่จันทร์ยันศุกร์
ทุกครั้งที่ถึงสถานีปลายทาง เมื่อเดินออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินแล้ว เราจะต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปยังชั้นบน ซึ่งอีตรงบันไดเลื่อนนี่แหละที่ผู้โดยสารที่ออกมาทีหลัง มักจะมาออจ่อแทรกตัวแล้วขึ้นบันไดเลื่อนไปอย่างสง่าผ่าเผย หาได้หวั่นไหวต่อแถวของคนที่เดินอ้อมไปต่อคิวเพื่อรอขึ้นบันไดไม่

เช้านี้อิทเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างที่ต่อคิวขึ้นบันไดเลื่อน พลันก็มีกระทาชายนายหนึ่งแทรกตัวเข้ามาอย่างไม่สะทกสะท้าน ตัดหน้าแซงคิวอิทต่อหน้าต่อตา งานนี้อิทมีเคือง ก็เลยเล่นยุทธการตาต่อตา ฟันต่อฟันด้วยการแทรกตัวไปในช่องว่าง แล้วขึ้นไปยืนด้านหน้าอีตาคนนี้เป็นการเอาคืน
ผลปรากฏว่าเมื่อพ้นจากบันไดเลื่อนขึ้นมาแล้ว ยอดชายนายเสียบซึ่งเดินตามหลังมาได้ทำตัวเป็นรถดัมพ์ ตั้งใจเดินกระแทกไหล่อิทอย่างแรง แล้วรีบจ้ำพรวดไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีการหันมาขอโทษใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อโดนชนแล้วเปิดตูดหนี อิทก็ขี้เกียจตามราวี รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลม ปล่อยให้คู่กรณีไปตามทางของเขา
เขาคงคิดว่าเขาถูก เขาคงคิดว่าเขาโดนแซงคิว อิทว่า

มาถึงเรื่องของฉันบ้าง เหตุเกิดในสถานีรถไฟใต้ดินเหมือนกัน
เย็นวันหนึ่งราวสองปีก่อน ขณะที่ฉันกำลังอยู่ในคิวตื๊ดบัตรตรงช่องทางออกด้านขวาสุด ฉันสังเกตว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่ทางด้านขวาของฉัน เมื่อใกล้ถึงทางออก เธอก็เร่งสปีดเตรียมปาดหน้า
คุณคะ เข้าแถวด้วยค่ะ ฉันหันไปบอก
เธอหันมาจ้องหน้าฉันด้วยสีหน้าและแววตาชิงชัง เธอบอกว่าเธอเข้าแถวอยู่ ฉันหันไปมองด้านหลัง มีคนต่อแถวหลังจากฉันเป็นสายยาว แต่ด้านหลังรวมถึงด้านหน้าของผู้หญิงคนนี้หามีมนุษย์ยืนเป็นแถวเดียวกับเธอไม่ ว่าแล้วเธอก็ยังมั่นใจจะเบียดขึ้นมาชิงแตะบัตรเพื่อออกไปก่อนฉันให้ได้
ในเสียววินาทีนั้นเอง เมื่อคนด้านหน้าฉันแตะบัตรผ่านออกไปแล้ว ฉันรีบยื่นมือขวาออกไปชิงแตะบัตร สกัดกั้นไม่ให้เธอเสียบแซงได้ เธอโกรธมาก และในเสี้ยววินาทีถัดมา โดยไม่คาดคิด เธอก็อวยพรฉันว่า
เลว
ฉันถึงกับจังงัง แต่ก็โต้ตอบกลับไปทันควันว่า “ขอบคุณ คุณน่ะสิเลว ไม่เข้าแถว” 
หลังจากนั้นหัวใจฉันเต้นแรงเพราะโกรธมาก คิดอยากต่อว่าเธออีกมากมาย แต่ก็คิดไม่ออก มึนตึ้บไปหมด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยโดนใครด่าว่าเลวในระยะเผาขนอย่างนี้มาก่อน

ช่วงเวลาที่ขับรถออกจากอาคารจอดรถกลับมายังบ้าน ฉันก่นด่าเธอมาตลอดทาง ...นังบ้าเอ๊ย ไม่เข้าแถว จะแซงคิวยังมาด่าคนอื่นว่าเลวอีก มาด่าเราได้ไงวะเนี่ย เราไม่ผิด มันนั่นแหละผิด เราน่าจะจูงมือมันไปห้องคอนโทรล ขอดูกล้องวงจรปิดให้รู้กันไปเลยว่าใครไม่เข้าแถว ถ้าฉันผิดฉันยอมขอโทษ ทำไมมันกล้าด่าคนอื่นว่าเลววะ...และอื่นๆ อีกมากมาย 



จนกลับมาถึงบ้าน ใจฉันยังเดือดปุดๆ เล่าให้อิทฟังก็ยังไม่หายเดือด อิทบอกให้ขึ้นไปนั่งพักบนบ้าน จะทำกับข้าวเย็นให้กิน ฉันนึกขึ้นได้ รีบเปิดลิ้นชัก หาหนังสือเล่มนี้ เหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลกของพระอาจารย์มิตซูโอะ เควสโก มาอ่าน
ค่อยๆ พลิกอ่านทีละหน้า ค่อยๆ คิดตาม แล้วน้ำเดือดในหัวใจก็ค่อยๆ เย็นลงตามลำดับ
พระอาจารย์เขียนว่า เมื่อเรากลับมาพบว่าบ้านไฟไหม้ สิ่งที่เราทำอย่างแรกคือรีบดับไฟ แทนที่จะวิ่งตามจับคนที่เราสงสัยว่าจะเป็นผู้วางเพลิง เมื่อมีความโกรธเกิดขึ้นก็เช่นกัน
เมื่อเกิดอารมณ์ไม่พอใจ ไม่ต้องคิดหาเหตุว่าใครผิด ใครถูก
ระงับความร้อนในใจของตัวเองเสียก่อน
หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ เมื่อใจสงบแล้ว
จึงค่อยคิดด้วยสติปํญญา ด้วยเหตุผล

ผู้หญิงคนนั้นประทับคำว่าเลวไว้กลางหลังฉัน แล้วเธอก็เดินจากไป ปล่อยให้ฉันหมกมุ่นขุ่นเคืองอยู่เป็นชั่วโมง ฉันโดนเธอด่าแล้ว ยังมาเผาใจตัวเองซ้ำอีก

ทุกครั้งที่มีเรื่องชวนหงุดหงิด ฉันจะพยายามกำจัดความขุ่นมัวออกไปให้เร็วที่สุด ถ้ายังโกรธไม่ยอมหาย ฉันจะนึกถึงคำพูดของป้าจิ๊-อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ คุณครูโยคะท่านหนึ่งของฉัน ป้าจิ๊บอกว่า
ขอให้เรารู้จักให้อภัยให้เร็ว แล้วเราจะเป็นสุขก่อนใคร

  










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น