วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

ศิลปะแห่งความไม่พร้อม


วันหยุดยาวกำลังจะจากจรเหล่าคนทำงานประจำไป สำหรับผมเองเนื่องจากอยู่ดีไม่ว่าดี เกิดคึกคะนองอยากจะกลับไปลิ้มลองรสชาติของการทำงานประจำดูอีกสักครา หลังจากว่างเว้นการเดินเข้าออกออฟฟิศเป็นเวลามาตั้งแต่ปี 2546 เมื่อต้นปีนี้ก็เลยกลับไปทำงานเป็นลูกจ้างอีกครั้งหนึ่ง ถึงจะเป็นงานแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แค่เกือบปีก็เถอะ

พอใกล้จะถึงวันเปิดเทอมที่จะต้องกลับไปทำงานก็เลยเกิดอาการแขยงเหยียดวันจันทร์ขึ้นมาเหมือนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ผู้ทำงานประจำทั้งหลายบนโลกนี้

ดูอย่างเพื่อนของผมคนหนึ่งโพสต์ข้อความลงบนสถานะของเธอในหน้าเฟซบุ๊คว่า “พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว” ฟังดูคล้ายๆ จะเป็นความกลัดกลุ้มส่วนรวมของสังคมและอาลัยอาวรณ์ช่วงวันหยุดยาวเสียเหลือเกิน

อาการไม่อยากกลับไปทำงานเมื่อถึงเช้าวันจันทร์ อาการไม่อยากไปโรงเรียนเมื่อเช้าแรกของวันเปิดเทอม เป็นหนึ่งในความ “ไม่พร้อม” หลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในภาระหน้าที่ของชีวิตการเกิดมาเป็นคน (ผมไม่รู้ว่าหมาแมวปูปลาจะเคยละล้าละลังกับความไม่อยากไม่พร้อมเช่นมนุษย์เราๆ หรือไม่ เรื่องนี้อาจจะต้องฝากพี่เป้า ถามสีนวลดูสักครา 555)

เมื่อไม่พร้อมด้วยความไม่อยากทำไม่อยากเป็น แต่ก็จะต้องลงมือทำหรือกระโจนเข้าสู่เพื่อไปเป็น ไปทำหน้าที่อะไรสักอย่าง คนเราจึงอุปโลกน์ลวงล่อตัวเองว่าเราพร้อม เราสามารถ เราทำได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นด้วยใบหน้าที่งุนงง ไร้รอยยิ้มหรือความรู้สึกรู้สา สายตาอันพร่ามัว ด้วยความไม่เต็มอกเต็มใจที่เปี่ยมอยู่ภายในก็เป็นได้

เราลองมาคิดกันเล่นๆ ว่าถึงไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร จะวันศุกร์วันเสาร์หรือเช้าวันจันทร์ก็ช่างเถิด ชีวิตของคนเรามีหรือที่จะพร้อมได้อย่างแท้จริง (หากเราไม่ลวงหลอกตัวเองว่าพร้อม) แล้วลองทำเรื่องนี้ให้มันดูเป็นศิลปะขึ้นมาจะได้หรือไม่

อะไรคือ “ศิลปะของความไม่พร้อม”...

ลองถามตัวเราเองดูก็ได้ว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นและเรากำหนดเอาไว้เป็นเงื่อนไขของการที่จะก้าวไปหรือเริ่มลงมือทำ เรียกว่ารอ “ความพร้อม” อยู่ใช่หรือไม่

...ขอแค่ให้มีเงินสักก้อน จึงจะไปขอสาวแต่งงาน หรือมีเงินเก็บครบห้าหลักเมื่อไหร่จะออกเดินทางไปท่องโลก

...ขอแค่ให้มีความคิดตกผลึกตะกอนนอนก้นเมื่อไหร่เสียก่อนแล้วจึงจะคว้าปากกามาเขียนหนังสือ หรือว่า จะซื้อหาของใหม่ๆ ชิ้นใหญ่ๆ เป็นรางวัลให้กับตัวเอง แต่ไม่พร้อมที่จะมีหนี้

จะ จะ และจะ แล้วก็รอให้พร้อม พร้อม พร้อม แต่ยากจะหาหรือตอบตัวเองว่าแท้จริงแล้วเมื่อไหร่จึงจะพร้อม ขณะที่เวลาแห่งความไม่พร้อมกลับมีให้คนเราฉกฉวยและใช้อยู่ทุกขณะอย่างเหลือเฟือ ขอแค่มีข้อแม้ให้น้อย คาดหวังกับผลลัพธ์ที่จะเกิดให้น้อยลง แล้วลงมือทำทีละคืบทีละก้าวเล็กๆ ที่ชัดเจนและมั่นใจไปก่อนที่จะเกิดความพร้อม การทำเช่นนี้จึงเปรียบเสมือนศิลปะที่คนเราทำทุกสิ่งด้วยแรงบันดาลใจและตามอำเภอใจมากกว่าการคาดหวังผลสำเร็จอันเลอเลิศ

จะมีประโยชน์อะไร หากคนเราใช้ชีวิตผ่านไปเพื่อรอให้พร้อม แต่ไม่กล้าหรือไม่ได้ลงมือทำ เลยอดที่จะได้ลิ้มรสความผิดหวังหรือความสำเร็จจากความไม่พร้อมที่อยู่ในทุกขณะ

ศิลปะแห่งความไม่พร้อม บอกกับเราว่าไม่พร้อมก็ลงมือทำได้ เพื่อที่จะสนุกกับทุกภาวะเพื่อให้สนุกกับทุกรอยก้าวของชีวิต

เรื่อง :  อิท มะดินกี่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น