วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

sleepy beauty

หน้าร้อนมาถึงจริงๆ แล้ว หลังจากสภาพอากาศพิสดารแปรปรวน จนต้องจารึกไว้ว่าคนกรุงเทพฯ เปิดตู้เสื้อผ้าคุ้ยหาเสื้อกันหนาวมาใส่ตอนเดือนมีนาคมแทบไม่ทัน

ฉันเป็นสาวข้างถนนมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก พ่อและแม่ยึดชัยภูมิพักอาศัยในตึกแถวริมถนนมาตั้งแต่สมัยอยู่กิ่งเพชร วงเวียนใหญ่ เอกมัย จนมาถึงที่พำนักปัจจุบันริมถนนลาดพร้าว

แม้จะเป็นถนนที่รถติดสถิตสถาพร มีเสียงรถวิ่งและฝุ่นควันเยอะบ้างตามประสา แต่ก็แปลกที่ ราชวัง ของฉัน แม้ในหน้าร้อนก็ไม่ระอุอบอ้าวด่าวดิ้นเกินไปนัก (เพื่อนฝรั่งที่เคยทำงานด้วยกันถึงกับบอกว่าบ้านฉันเป็น palace เมื่อรู้ว่าฉันอาศัยอยู่ในตึกแถว 5 ชั้นครึ่ง แถมอยู่กันแค่ 2 คนเพราะพ่อแม่ไปอยู่กับพี่ชายแล้ว)

หน้าร้อนเดือนเมษานี้ ฉันจึงเพิ่งเปิดแอร์นอนเพียง 2 ราตรีเท่านั้น คืนไหนฝนตก ห้องนอนเล็กด้านหลังบ้านของฉันก็จะเย็นสบาย เงียบสงัด แม้บางคืนแก๊งหมาจะเปิดคอนเสิร์ต ผลัดกันอิมโพรไวซ์ เห่ารับกันเป็นทอดๆ บ้างก็ตาม

ฉันนอนในห้องนอนเล็ก ณ เคหาสน์ลาดพร้าวนี้มาตั้งแต่ ม.3 จนถึงปัจจุบัน มีเว้นวรรคย้ายไปนอนห้องนอนใหญ่ด้านหน้าบ้านตอน 2-3 ปีแรกของการแต่งงาน แต่แล้วก็เกิดเหตุระทึกขวัญให้ต้องย้ายกลับมานอนห้องเดิมราว 5 ปีที่แล้ว

ช่วงตีสามตีสี่น่าจะเป็นช่วงที่คนเรากำลังจมดิ่งในห้วงนิทรา ฉันและอิทก็เช่นกัน นอนหลับได้โล่ ไม่มีใครยอมใคร โดยเฉพาะคืนนั้นเป็นคืนวันอาทิตย์ที่เราสองต่างสิ้นสภาพจากการขายของที่ตลาดนัดจตุจักร (ตอนนั้นเราเปิดร้านเสื้อผ้าฝ้ายที่จตุจักร)

ในความมืดสนิท ฉันได้ยินเสียงเรียกจากที่ไกลๆ พี่ พี่คะ พี่คะ ซ้ำไปซ้ำมาหลายหน
แรกๆ เสียงยังเบาอยู่ ฉันนึกว่าตัวเองฝัน แล้วฉันก็ได้ยินเสียงเรียกซ้ำด้วยความร้อนรน พี่คะ พี่ พี่ พี่คะ
ฉันเหนื่อยมาก บอกกับตัวเองว่ากำลังฝัน ไม่ยอมลืมตา แต่สมองเริ่มตื่นแล้ว เสียงที่ได้ยินเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้มาพร้อมเสียงกระทุ้งประตูระเบียง ฉันเปิดเปลือกตาขึ้นและรู้แล้วว่าไม่ได้ฝัน

บ้านตึกแถวที่ฉันอยู่ ห้องด้านหน้าจะมีประตูและระเบียงเล็กๆ ส่วนหลังบ้านเป็นซอยตัน มีพื้นที่สำหรับจอดรถ เมื่อเปิดประตูระเบียงห้องนอนพบว่าน้องข้างบ้าน ซึ่งเจอหน้าค่าตากันปีละไม่กี่หน พยายามอย่างมากในการยักแย่ยักยัน เงื้อง่าด้ามไม้แบดระดมกระทุ้งประตูห้องนอนของฉันอยู่

พี่คะ ไฟไหม้ค่ะ
ตาตี่ๆ ของฉันเบิกโพลงและกลมโตที่สุดก็คืนนั้นแหละ
ไฟไหม้ !!” ฉันพูดซ้ำ (เวลาดูละคร เคยสงสัยว่า มันจะพูดซ้ำทำไมเนี่ย พอเจอเข้าเอง ฉันก็พูดซ้ำเป็นปฏิกริยาตอบสนองโดยอัตโนมัติ)
ใช่ค่ะ ไหม้ตรงหอพัก แต่ไม่ต้องตกใจนะคะ ยังไม่รุนแรง รถดับเพลิงมาแล้ว แต่เข้าไม่ได้ พี่ช่วยไปเลื่อนรถด้วยค่ะ

โปรดนึกภาพตาม ซอยหลังบ้านฉันเป็นซอยตันรูปตัวยู หอพักต้นเพลิงอยู่ตึกแถวฝั่งตรงข้าม ห่างจากบ้านฉันแค่ไม่กี่ห้อง

ผละจากน้องข้างบ้านแล้ว เราสองคนตาลีตาเหลือก รีบเปิดไฟ เปิดเท่าไหร่ก็ไม่ติด ถึงได้รู้ว่าเค้าตัดไฟแล้ว เราคลำทางออกจากห้องนอน บ้านมืดตื๋อ เพราะทั้งซอยไม่มีไฟฟ้าแล้ว ฉันรีบเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จะตายอยู่แล้วไม่ห่วงสวยหรอกค่ะ แต่ยังจำได้ว่าใส่ชุดนอนโทงๆ และโนบรา จึงต้องแต่งกายให้รัดกุม

เพียงชั่วไม่กี่นาที เรารู้สึกได้กลิ่นควันเล็ดลอดเข้ามา ฉันรีบคว้ากุญแจรถ คลำทางลงบันได 3 ชั้นจนไปถึงชั้นล่าง พอเปิดประตูหลังบ้านเท่านั้นแหละค่ะ รถยนต์ที่เคยจอดกระจัดกระจายสองฝั่งทั่วซอย อันตรธานหายไปสิ้น คงเหลือแต่ต้อยติ่งของฉันคันเดียว นอกนั้นเป็นรถดับเพลิงจอดจ่อตูดรถฉันอยู่

พอถอยรถไปจนถึงปากซอย ฉันพบว่าชาวบ้านที่เคยเห็นทีละคนสองคนทั้งคนซอยเดียวกัน คนข้างซอย และในหมู่บ้านอีกหลายซอยล้วนตื่นมารวมตัวกันหมดแล้ว คงเหลือแต่เราสองคนที่นอนหลับไม่ได้ยินเสียงหวอ เสียงโหวกเหวกใดๆ ทั้งสิ้น

แม้จะใช้เวลาดับเพลิงอยู่จนถึงแปดโมงเช้า แต่ตำรวจก็ควบคุมเพลิงไว้ได้ ไม่ลุกลามไปยังอาคารอื่น และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็ย้ายจากห้องด้านหน้าติดถนนใหญ่ มานอนห้องนอนเล็กหลังบ้านเหมือนเดิม คราวนี้ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรอีก รับรองไม่ตกข่าว ก็ห้องนี้น่ะ ได้ยินทั้งเสียงหมาเห่า คนเมาเหล้า รถสตาร์ทไม่ติด ซิ้มฮัดเช้ย ตุ๊ดตบกัน ได้ยินม้ด 

โชคดีที่คืนนั้นน้องสาวข้างบ้านไม่ละความพยายามในการปลุกพวกฉัน ไม่งั้นอาจมีข่าวพาดหัว สองผัวเมียดับอนาถ หลับสนิทจนถูกย่างสด
อูยยยย พาดเอง เสียวเอง 



  

 


   

    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น