วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2554

ไม่มีอะไรจะเสีย


ภาพโดยชิฮิโระ ศิลปินชาวญี่ปุ่น

ทุกครั้งที่กลับจากทำข่าว ได้สัมภาษณ์และพูดคุยกับคนใหม่ๆ ฉันจะรู้สึกดีเสมอ
ดีที่ได้ทำงาน ดีที่ได้โผล่หน้าไปดูความเป็นไปภายนอกถ้ำบ้าง และดีที่ได้แง่คิดใหม่ๆ มาเปิดโลกกะลาของตัวเอง
แต่มีใครเป็นเหมือนกันบ้างไหม
ช่วงเวลาก่อนที่เราจะออกลุยเนี่ย ทำไม้ ทำไมมันถึงได้ขี้เกียจนักก็ไม่รู้

อันความเฉื่อยที่มายึดร่างเรานี้ ลองประเมินดูพบว่า น่าจะเกิดจากการที่เราอยู่นิ่งเกิน สบายเกิน หรือแม้แต่ความเคยชินเดิมๆ ก็ทำให้รู้สึกปลอดภัยดี จนชีวิตชักจะติดกับดัก
พี่เป้า สหายร่วมแก๊งตะลุมบอน เคยส่งลิงก์เกี่ยวกับ 7 วิธีปลุกพลังในการเขียนหนังสือมาให้ เนื้อหาที่ฉันสะดุดใจไม่ใช่วิธีทั้งเจ็ดที่ผู้เขียนแนะนำ แต่กลับเป็นเรื่องของการลองทำสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากความเคยชินเดิมๆ

ผู้เขียนคือ Dean Rieck เล่าว่าวันหนึ่งขณะขับรถกลับบ้านได้ราวครึ่งทาง แทนที่จะเลี้ยวไปเส้นทางเดิมเหมือนที่เคยทำ เขาลองเลี้ยวไปถนนอีกเส้นหนึ่งบ้าง
ทันทีที่อยู่บนเส้นทางใหม่ อารมณ์เดิมๆ ที่เคยเนือยๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นความกระตือรือร้น
วันนั้นเขาค้นพบละแวกบ้านใหม่ที่สวยงาม เจอร้านหนังสือเก่าแต่เก๋ร้านนึง แล้วก็เจอร้านอาหารที่เขาและภรรยาได้เอ็นจอยมื้ออร่อยด้วยกัน
การขับรถกลับบ้านที่เคยเป็นเรื่องรูทีน ก็กลายเป็นการผจญภัยได้ ถ้าเพียงเรากล้าทำในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม

ครั้งหนึ่งมูลนิธิเสฐียรโกเศศเคยจัดงานเทศกาลหนังสือ เปิดใต้ถุนตึกให้คนเอาหนังสือไปขายโดยไม่เก็บค่าพื้นที่
อิทโทรไปขอร่วมกิจกรรมล่วงหน้านานหลายสัปดาห์ พอใกล้ถึงวัน ฉันก็เกิดอาการเดิม
ความขี้เกียจทำให้คิดอยากเบี้ยว เพราะไหนจะต้องคัดสรรหนังสือที่จะเอาไปขาย เล่มที่ชอบก็ไม่อยากขาย เล่มที่ไม่ชอบก็กลัวขายไม่ได้ ทำให้ต้องหอบกลับมา แล้วจัดเรียงกลับเข้าชั้นอีก
สถานที่จัดงานคือสวนเงินมีมา ถนนเจริญนคร สำหรับคนลาดพร้าวรึก็แสนจะไกล ถึงรถไฟฟ้าจะไปถึง แต่ต้องขึ้นรถเมล์ไปต่อรถไฟฟ้า แล้วไปลงเรือ แถมยังต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปอีก

แต่เมื่อถึงวันกิจกรรม เราสองคนก็ไม่เบี้ยว
เราบอกกันว่าถ้าไม่ลองทำอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง ชีวิตก็จะเหมือนเดิมทุกวัน เราอาจจะไม่เหนื่อย ไม่ร้อน ไม่เสียตังค์ค่าเดินทาง แต่เราก็จะไม่รู้ว่าฟุตบาทแถวนั้นปูด้วยอิฐตัวหนอน เราจะไม่ได้นั่งฟังเพลง ไหวเอน ที่ใต้ถุนตึก และไม่ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มอีก 2 คน
ถ้าเราไม่ได้ไปร่วมงาน เราก็จะไม่มีความทรงจำของวันนั้น

ความขี้เกียจชอบมาตีซี้อยู่เสมอ เราต้องไม่เผลอปล่อยให้มันมาเป็นเพื่อนสนิท
พักหลังถ้าแรงเฉื่อยบั่นทอนตนเมื่อไหร่ ฉันต้องรีบเปลี่ยนอิริยาบถ เปลี่ยนกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ หมั่นเตือนตัวเองว่า ออกไปทำงาน มีแต่ได้กับได้
ก็นอกจากจะได้งาน ได้เจอคน ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ และได้เงินแล้ว
สิ่งดีที่สุดที่ได้ แถมยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มก็คือ ได้ความรู้ ได้ความคิดกลับมาเสมอ
มันคงจะดีกว่าถ้าโลกกะลาของฉันมีแสงส่องสว่างเพิ่มขึ้นทุกวัน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น