วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2554

ของแถม ของจริง ของขวัญ

ภาพแมวน้อยน่ารักโดยโมโมโกะ ศิลปินชาวญีุ่ปุ่นที่เชียงใหม่
คนทำงานส่วนใหญ่ไม่อยากให้วันจันทร์มาถึง ยิ่งถ้าเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฟ้าครึ้ม ฝนตกไม่ยอมหยุดตั้งแต่ก่อนฟ้าสางอย่างเช้านี้ อารมณ์ยิ่งพาลหม่นหมอง หดหู่ กลายเป็น blue Monday

บ่อยครั้งได้ยินคนบ่นเบื่องาน อยากลาออก บางคนอยากหางานใหม่เพื่อให้ได้เงินเดือนที่ดีกว่า
ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นย่อมเป็นแรงจูงใจในการทำงาน แต่ถ้าเรามองเงินเป็นเรื่องหลัก ฉันพบว่าความสนุกและความสุขจากการทำงานก็จะถูกมองข้ามไปเสมอ ประสบการณ์แบบนี้เคยเกิดกับฉันมาแล้ว

สิบกว่าปีก่อน ฉันทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง งานหนักหนาสาหัสประเดประดังมาไม่ขาดสาย ทำเท่าไหร่ก็ทำไม่ทัน ขนาดหอบงานกลับมาทำที่บ้านจนดึกดื่นไม่เว้นแม้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่มีทีท่าว่าจะงานจะลดน้อยลง ทั้งเหนื่อย ทั้งเครียด
หนักเข้าก็คิดว่าทำงานจนสายตัวแทบขาด สมองแทบระเบิด แต่เงินเดือนน้อยเหลือเกิน ความสุขจากการทำงานจึงแทบไม่มี
ถ้าเพียงตอนนั้นมีรายการคนค้นฅนแล้ว มุมมองต่อการทำงานของฉันคงจะเปลี่ยนไป เพราะตอนหนึ่งของรายการได้นำเสนอเรื่องของชายพิการคนหนึ่ง ผู้ที่ฉันนึกคารวะและขอบคุณเรื่องราวของเขาเสมอมา

มั่นคง สังข์บ้านแพ้ว คนทั่วไปเรียกเขาว่าชายน้อย เพราะเกิดมาพิการ แขนขาเกร็ง เท้าแป ปากเบี้ยว ลักษณะคล้ายชายน้อยในเรื่องบ้านทรายทอง ความพิการทำให้ชายน้อยเดินไม่ได้ แต่เขาไม่ยอมแพ้ พยายามเดิน จนเดินได้ในที่สุด

ตั้งแต่เดินได้ ชายน้อยไม่เคยหยุดเดินเลย เขาช่วยพ่อแม่ทำมาหากินด้วยการขายผักที่ตลาดบ้านแพ้ว โดยชายน้อยจะนั่งรถบัสจากบ้านแพ้วไปนครปฐมเพื่อซื้อผัก ราวๆ เที่ยงก็ขึ้นรถบัสกลับบ้านเพื่อช่วยกันกับพ่อและแม่จัดผักเป็นกำๆ ราวสามโมงก็จะเข็นผักจากบ้านสวนออกมาขายที่ตลาดบ้านแพ้ว

ระหว่างทางจากบ้านไปขายผักที่ตลาด ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ เท้าข้างหนึ่งพลิกแป เดินเหินลำบาก แต่เขาก็ค่อยๆ เข็นผักที่แสนหนักอึ้งท่ามกลางเปลวแดดขึ้นสะพานสูงชันด้วยเรี่ยวแรงของตัวเองเพียงลำพัง

ตั้งแต่เช้าที่นั่งรถบัสไปซื้อผัก เดินซื้อผักในตลาดขายส่ง นั่งรถกลับบ้าน เข็นรถขึ้นสะพาน จนขายผักเสร็จราวหนึ่งทุ่ม พี่เช็ค-สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ถามชายน้อยว่าขายได้เงินกี่บาท ชายน้อยยิ้มแล้วตอบว่าได้สองร้อยกว่าบาท

สองร้อยบาทเท่านั้นกับการลงทุนลงแรงตรากตรำตลอดทั้งวัน แต่เขาก็ยิ้ม
มันเป็นรอยยิ้มของคนที่มีความสุขจากการทำงาน และพอใจกับรายได้ที่มาจากน้ำพักน้ำแรง
ฉันหันกลับมามองตัวเอง ในบ้านแสนสบาย ฉันนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีพัดลมพัดเย็น ร้อนนักก็เปิดแอร์ ไม่ต้องตากแดดตากฝน
ด้วยต้นทุนที่มีมากกว่า เพียงนั่งทำงานไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ค่าตอบแทนมากกว่าชายน้อยหลายเท่า
ฉันหันไปบอกคนข้างกายว่า เมื่อไหร่ที่ฉันงี่เง่า เห็นเงินมาก่อนงาน ขอให้เตือนสติฉันด้วยว่า ชายน้อย สังข์บ้านแพ้ว

ปลายปีที่แล้ว พวกเราสามสหายตะลุมบอนมีโอกาสสัมภาษณ์พี่โก๋-จิตร์ ตัณฑเสถียร นักสร้างแบรนด์ที่คนในแวดวงการตลาดเชื่อฝีมือ พี่โก๋พูดว่าการทำงานคือการขัดเกลา ถ้าเราเอาเงินเป็นเป้าหมาย จะไม่สนุกระหว่างทาง
อีกคำพูดหนึ่งของพี่โก๋ที่ฉันจดจำไว้คอยเตือนใจตัวเองก็คือ
เงินทองชื่อเสียงเป็นของแถม ความสนุกเป็นของจริง ความผิดพลาดเป็นของขวัญ
  




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น