วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เห็นโลงศพ แต่ไม่หลั่งน้ำตา

    ช่วงชีวิตหนึ่งฉันมีโอกาสได้ทำงานเป็นเอ็นจีโอ สังกัดองค์กรระหว่างประเทศ ทุกครั้งที่มีงานรณรงค์ คนที่ทำงานที่นั่นจะต้องช่วยกันทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองทำได้ คนทั่วไปอาจไม่รู้ว่ากว่าการรณรงค์แต่ละครั้งกว่าจะสำเร็จได้ เบื้องหลังนั้นพวกเราเหนื่อยจนสายตัวแทบจะขาดกันทีเดียว แต่ในท่ามกลางการทำงานที่แสนจะเหนื่อยยาก ก็มีเรื่องฮาๆ เกิดขึ้นอยู่ไม่ใช่น้อยจนทำให้เราลืมความเหน็ดเหนื่อยไปได้

    เรื่องที่ฉันจำได้ไม่ลืมคือครั้งหนึ่งใครคนหนึ่งในทีมเกิดมีไอเดียพิสดารว่าเราจะแห่โลงศพไปที่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทำลายสิ่งแวดล้อมซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง เพื่อเป็นการประจานความไม่ชอบมาพากลของบริษัทแห่งนี้ เรื่องราวเหมือนไม่น่ายุ่งยาก แค่หาโลงศพมาแล้วก็เขียนข้อความที่ต้องการสื่อสารลงไปข้างโลงศพ ที่สำคัญคือการรณรงค์ทุกครั้งเราจะต้องเก็บเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวล่วงหน้า เรื่องโลงศพนี้ก็เช่นกัน

   เพื่อนฉันคนหนึ่งชื่อ แตน รับอาสาสั่งจองโลงศพ ส่วนพวกเราก็ไปเตรียมสีและแปรงทาสีมาคอยท่าก่อนที่โลงศพจริงจะมาถึง พวกเราไม่มีใครเคยสั่งโลงศพมาก่อนเลยในชีวิต เพราะยังไม่เคยมีใครเคยตายกันเลยสักคน แต่ทุกคนก็ลงความเห็นว่า ถ้าเป็นพิซซ่าก็ต้องพิซซ่าฮัท ถ้าเป็นโลงศพก็ต้องสุริยาหีบศพ แตนยิ้มอย่างยินดี เธอหายเข้าไปในมุมเงียบเพื่อสั่งโลงศพ หลังจากถือสายคุยโทรศัพท์อยู่นาน แตนทำหน้าเครียดตลอดเวลา จนพวกเราสงสัยกันว่า กะอีแค่สั่งโลงศพมันจะยากอะไรนักหนา
    แตนวางสายโทรศัพท์แล้ว เธอก็เดินมาสมทบกับพวกเรา
"สั่งโลงศพนี่มันยากมากเลยนะ รู้ไหม"
เราหูผึ่งขึ้นมาทันที "ทำไมล่ะ"
แตนเล่าต่อ "พอฉันโทรไปสั่งโลงศพ เขาถามฉันว่า "ศพอยู่ที่ไหนครับ" พวกเราฟังจบก็หัวเราะกันครืน
"แล้วพี่แตนตอบว่าไงเหรอ" เรายังซักต่อ
"ฉันก็นิ่งไปนาน ไม่รู้จะตอบว่าไง ก็บอกว่ามาส่งที่ออฟฟิศนี้เลยค่ะ"
"ศพไว้ที่ออฟฟิศเหรอครับ" เขาทำเสียงสงสัยแต่ยังไม่ทันซักถามอะไรต่อ
"คือตอนนี้ยังไม่มีศพค่ะ แต่เดี๋ยวไม่แน่อาจจะมีค่ะ สั่งเตรียมไว้ก่อน" แตนตัดบทกลัวความจะแตก

     พวกเราหัวเราะกันครื้นเครง แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเราก็เงียบกริบ เมื่อมีคนเอาโลงศพแบกเข้ามาในออฟฟิศ ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นย่ำ บรรยากาศเริ่มวังเวงเล็กน้อย โลงศพขนาดเท่าของจริงเหมือนกับที่เคยเห็นที่วัดไม่มีผิด ก่อนความกลัวจะคุกคาม พวกเราก็ช่วยกันเอาแปรงทาสีโลงกันอุตลุด จนโลงศพที่น่ากลัวกลายเป็นลายวาฬกลางทะเล สีสวยหวานจนลืมไปเลยว่านี่คือโลงศพ การรณรงค์ครั้งนั้นประสบความสำเร็จดีมาก ในเวลาต่อมาโครงการที่ทำลายสิ่งแวดล้อมนั้นก็ถูกยกเลิกไปจริงๆ สมกับความเหนื่อยยาก

     แม้จะมีคำเตือนว่า “ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา” แต่สำหรับฉันทุกครั้งที่เห็นโลงศพ นอกจากไม่หลั่งน้ำตาแล้ว ก็ยังนึกขำทุกทีที่นึกถึงเรื่องนี้

20/april/2011
 paokuntima

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น